Geneva

เที่ยวเมืองเจนีวา เมืองเศรษฐกิจของสวิตเซอร์แลนด์

Europa เที่ยวนอกเยอรมัน

วันนี้เราสองคนจะขับรถไปเที่ยว เมืองเจนีวากันค่ะ เมืองซึ่งจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในเมืองเศรษฐกิจของประเทศสวิตเซอร์แลนด์เลย ที่จะขับรถไปเที่ยวเพราะว่าอยู่ไกลจากที่พักเรานิดนึง ถ้าจะปั่นจักรยานไปกันมันคงจะไกลไปสำหรับรถจักรยานคันเล็กๆของเราเนาะ เลยต้องขับรถไปกันดีกว่า แต่จะว่าไปก็ดีคือการเปลี่ยนบรรยากาศจะได้เก็บแรงไว้ด้วย ถ้าจะให้ปั่นจักรยานเที่ยวทุกวันก็คงไม่ไหวเหมือนกันเนาะ

วันนี้คือวันที่ 5 ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์แล้วนะคะ เราสองคนขับรถมาเที่ยวกันเองจากประเทศเยอรมัน เป็นเวลา14 เต็มๆ ส่วนใครที่ยังไม่ได้อ่านว่าเราไปเที่ยวที่ไหนมาบ้าง เมื่อวันที่ผ่านมาก็เข้าไปอ่านได้ที่

วันเดียวเที่ยว 3 ที่ Vevey, Montreux และ ปราสาท Chillon

และสามารถอ่านรีวิวเกี่ยวกับที่พักของเราในทริปนี้ได้ในลิงก์นี้ค่ะ รีวิวห้องพัก Airbnb 4 ที่ 4 สไตล์ ที่สวิตเซอร์แลนด์

จากที่เราพักที่โลซาน ไปเมืองเจนีวา อยู่ห่างจากที่พักเรา ไปประมาณ 64 กิโลเมตร เราขับรถมาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงแล้วค่ะจากนั้นก็หาที่จอดรถกัน บอกเลยว่า การขับรถในเมืองนี้ไม่ง่ายเลย เพราะมีก่อสร้างเยอะมาก ทั้งตามถนน และทางเดินในเมือง 

จากที่เราดูใน GPS แล้วสถานที่จอดรถมีเยอะมากในเมืองแต่แพงมากเหมือนกัน ตั้งแต่เราสองคนขับรถมาเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ เราว่าเมืองเจนีวาน่าจะเป็นเมืองที่มีที่จอดรถที่แพงที่สุด จากทุกที่ที่ผ่านมา พอเราหาที่จอดรถได้แล้วเราก็เดินไปเที่ยวกันค่ะ

เมืองเจนีวา

เมือง Geneva (เมืองเจนีวา) คนเยอรมันจะเรียกว่าเมือง Genf ค่ะ นอกจากเมืองเจนีวานี้จะเป็นหนึ่งในเมืองเศรษฐกิจของประเทศสวิตเซอร์แลนด์แล้ว ได้รับการจัดอันดับให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินที่สำคัญที่สุดอันดับ 9 ของโลก ในด้านความสามารถในการแข่งขันโดยดัชนี Global Financial Centers Index ซึ่งเป็นอันดับที่ 5 ในยุโรปรองจากลอนดอน, ซูริค, แฟรงก์เฟิร์ต และลักเซมเบิร์กค่ะ เมื่อในปี 2019 เจนีวาได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสิบเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก

นอกจากนั้นเมื่อในปี 2018 เจนีวาได้รับการจัดอันดับที่หนึ่งสำหรับรายได้รวม แพงที่สุดเป็นอันดับสอง และอันดับที่สี่ในด้านกำลังซื้อ (ข้อมูลจากวิกิพีเดีย) คือเราไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมที่จอดรถในเมืองเจนีวานี้ถึงได้แพงกว่าเมืองอื่นๆค่ะ

เมืองเจนีวาเป็นเมืองที่มีบริษัทนาฬิกายี่ห้อดังๆหลายบริษัทอยู่ในเมืองนี้ อย่างเช่นนาฬิกายี่ห้อ Tissot Rolex  และอื่นๆเป็นเมืองที่มีเศรษฐกิจดี ตึกสูงใหญ่มากมาย สถานที่ท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาดในเมืองนี้ เช่น ทะเลสาบเจนีวา, Jet d’Eau (Water Jet), วิหารเซนต์ปิเตอร์, Jardin Anglais (สวนภาษาอังกฤษ) และ Parc de la Grange, Jardin Botanique (สวนพฤกษศาสตร์) 

ถ้าจากที่จอดรถของเรา เดินไปตรงน้ำพุ Jet d’Eau ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนี้ก็ไม่ไกลมากเดินประมาณ 1 กิโลกว่าๆก็ถึงแล้วค่ะ 

Jardin Anglais เป็นสวนสาธารณะใจกลางเมืองเจนีวา มี tourist information อยู่ใกล้ๆก็อยากทราบข้อมูลจุดท่องเที่ยวภายในเมืองต่างๆก็เข้าไปถามได้นะคะ

ใครอยากนั่งรถเที่ยวตามจุดท่องเที่ยวสำคัญในเมือง ก็น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีนะ แถมราคาก็ไม่แพงด้วยแต่ไม่ต้องเดินให้เหนื่อยด้วยค่ะ อยากได้ที่เห็น ราคาผู้ใหญ่ 8  ฟรังก์ และเด็กอายุระหว่าง 3-12 ปี ราคา 5 ฟรังก์ รถจะออกทุกๆครึ่งชั่วโมงค่ะ

ภายในสวนสาธารณะ Jardin Anglais มีรูปปั้น Monument National ตั้งอยู่และข้างหลังรูปปั้นจะเห็นตึกบริษัทนาฬิกาชื่อดัง และแพง ยี่ห้อ Patek Philippe ค่ะ

ถ่ายรูปกันตรงน้ำพุ ตรงจุดนี้นักท่องเที่ยวเยอะเลย ทุกคนต่างก็จะมาดูน้ำพุเหมือนเรา มาถ่ายรูปกันเป็นที่ระลึก ดูจากระยะไกลก็เหมือนน้ำพุธรรมดา แต่ถ้าใครได้ลองเดินไปดูแบบใกล้ๆจะเห็นถึงพลังของน้ำพุที่พุ่งออกมา สูงมากและน่าทึ่งมากๆเลยค่ะ

น้ำพุ Jet d’eau ของเจนีวา (แปลตามตัวอักษรว่า “สายน้ำ”) เป็นสัญลักษณ์ของเมืองตั้งแต่รูปแบบการตกแต่งที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2434 แบบไม่ได้ตั้งใจ แต่จุดประสงค์ดั้งเดิมคือไม่ใช่เพื่อให้ดูสวยงามเลยค่ะ แต่มันเป็นวิธีแก้ปัญหาทางเทคนิคจริงๆ! ซึ่งเป็นวาล์วนิรภัยสำหรับระบบน้ำในเมืองนั่นเอง

ตอนนี้น้ำพุมีอายุตั้งแต่ปี 1950 มีความสูง 140 เมตร น้ำมากกว่า 500 ลิตรถูกขับออกทุกวินาทีด้วยความเร็ว 200 กม. / ชม. ในช่วงเวลาใดน้ำขนาดใหญ่นี้ประกอบด้วยน้ำถึง 7 ตัน! (ขอบคุณข้อมูลจาก www.voyagetips.com ค่ะ)

และในปัจจุบัน น้ำพุ Jet d’eau นี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวในเจนีวาไปแล้วค่ะ เพราะถ้าใครมาเมืองเจนีวาแล้วไม่ได้มาถ่ายรูปกับน้ำพุนี้ หรือมาเช็คอินตรงนี้ เขาจะถือว่าไม่ได้มาถึงเมืองเจนีวานั่นเอง

ที่จริงเรามากันสายแล้วก็เกือบจะ 11:00 น ยังไม่ได้ทานอาหารเช้าเลย เราอยากทานอาหารกันก่อนดีกว่า เลยถือโอกาสมานั่งปิกนิกในตรงสวนสาธารณะ Jardin Anglais ซึ่งสามารถมองเห็นวิวน้ำพุได้อย่างชัดเจน ในทริปนี้เราเอาอาหารมาทานด้วยระหว่างทางทุกวันค่ะ ส่วนมากก็เป็นอาหารง่ายๆขนมปังแล้วก็ผลไม้ประมาณนี้ 

นั่งปิกนิกกันค่ะ กับอาหารง่ายๆที่เราห่อมามาทานระหว่างทางกันด้วย 🙂

เราสองคนถ่ายวีดีโอ ถ่ายรูปกันสักพัก ก็พากันกลับค่ะ เนื่องจากยังเห็นว่ามีเวลาอยู่เพราะเพิ่งแค่ 14:00 น เอง เราเลยถาม tourist information แถวนั้นว่า พอมีเมืองไหนใกล้ๆที่เราพอจะแวะไปเที่ยวได้บ้าง ในระหว่างทางที่เราขับรถกลับที่พักที่เมืองโลซานกัน

น้องเขาก็บอกว่า ลองแวะเที่ยวเมือง Nyon นี้ดูไหม เป็นเมืองเล็กๆสวยดี และก็อยู่ระหว่างทางด้วย อยู่ไม่ไกลด้วยค่ะ ขับไปแค่ประมาณ 26 กิโลเมตรเองจากเมืองเจนีวา

ทางไปเมือง Nyon จากเมือง Genf (เจนีวา)
ระหว่างทางที่ขับรถไปเมือง Nyon ค่ะ

เมือง Nyon

เราเลยเราสองคนเลยตัดสินใจที่จะแวะเที่ยวกันที่เมืองที่น้องเจ้าหน้าที่เค้าแนะนำมาค่ะ เมื่อขับรถมาถึงแล้วโชคดีมากที่มีที่จอดรถที่อยู่ติดกับทะเลสาบเลยจะว่าไปก็ไม่แพงด้วย ชั่วโมงละ 1,50 ค่ะ

Nyon แห่งนี้ เป็นเมืองเล็กๆ น่ารักๆ ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา อยู่กึ่งกลางระหว่างเมืองเจนีวาและเมืองโลซานน์ค่ะ มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายตั้งแต่สมัยเฮลเวติและชาวโรมันและจากยุคกลาง ในช่วงฤดูร้อน ที่เมืองนี้เป็นสวรรค์ของกีฬาทางน้ำและผู้รักธรรมชาติเลยค่ะ

ถึงแม้ว่าเมืองนี้จะไม่ใหญ่ค่ะ และไม่ใช่เมืองดังแต่เหมาะกับการแวะมาเดินเที่ยว ถ่ายรูป หรือเดินเล่นสักชั่วโมงสองชั่วโมงนะคะ

ซึ่งจะมีจุดที่น่าสนใจอยู่หลายที่เช่น

  • Genfersee-Museum
  • Römisches Museum und Amphitheater
  • Auf dem Gipfel des «Dôle»
  • Vom Himmel auf die Romandie blicken

ท่าเรือของเมือง Nyon ค่ะ 

ตรงข้างหน้ามีท่าจอดเรือด้วยนะ

เราเดินมาตรงริมซ้ายสุดของเมืองพรุ่งนี้จะมีร้านอาหารมีคนเล่นน้ำซึ่งแปลว่าตรงนี้เราสามารถว่ายน้ำได้ค่ะ

ร้านที่เรานั่งกันมาจะมองเห็นท่าเรือพอดี

เดินดูเมืองกันสักพักเราก็พากันหาที่นั่งในร้านอาหาร เพื่อที่จะนั่งพักและดื่มอะไรเย็นๆกัน ร้านนี้บรรยากาศดีมากเลยตัวหยุดริมทะเลสาบด้วยแถมอยู่ไม่ไกลจากท่าเรือด้วยค่ะ

เราใช้เวลาอยู่นี่ประมาณ 3 ชั่วโมงเราก็กลับที่พักกันค่ะ ถือได้ว่าเป็นวันที่ดีอีกวันหนึ่ง ถ้าใครพอมีเวลาจากการเที่ยวเมืองเจนีวาและเมืองโลซานน์ สองเมืองนี้แล้วยังมีเวลาอยู่ ลองแวะมาเที่ยวเมือง Nyon นี้ดูนะคะ จะว่าไปก็เป็นเมืองที่น่าสนใจทีเดียวค่ะ และอยู่ไม่ไกลเลยค่ะ