วันนี้จะพาขึ้นภูเขาชื่อดังที่ชื่อว่า Jungfraujoch กันค่ะทุกคน ซึ่งเป็นภูเขาสูงอยู่เหนือระดับน้ำทะเลถึง 3466 เมตร เลยทีเดียว และทำไมถึงขึ้นชื่อได้ว่าเป็น Top Of Europe มาติดตามกันค่ะ
หลังจากที่เมื่อวานเราไปล่องเรือเที่ยวที่ทะเลสาบ Brienz กันมาแล้ว วันนี้เราก็จะเป็นวันที่เราสองคนจะขึ้นเขากันค่ะ นั่นคือภูเขาที่ชื่อว่า Jungfrau นั่นเอง ซึ่งเป็นภูเขาที่ชื่อดังมากอีกที่ ถ้าใครมาเที่ยวแถว Berner Oberland แล้วไม่ควรพลาดเลยค่ะ
- ล่องเรือเที่ยวทะเลสาบ Brienz สุดโรแมนติก
- Interlaken เมืองสวย มีสีสัน เขต Berner Oberland ของสวิตเซอร์แลนด์
เราได้ซื้อที่ชื่อว่า Top of Europe Pass ไว้แล้ว ซึ่งเป็นบัตรสำหรับขึ้นเขา รวมทั้งการนั่งรถไฟขึ้นกระเช้า ในเขตนี้โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก โดยขึ้นจากสถานี Interlaken Ost นะคะ ส่วนจะครอบคลุมภูเขาลูกไหนมั่งกระเช้าและรถไฟแบบไหนสามารถดูได้ในตามภาพข้างล่างเลยค่ะ
*** อัปเดต ปี 2024 นี้ไม่พาสตัวนี้แล้วนะคะ แนะนำให้ใช้ Jungfrau Travel Pass แทนค่ะ ซึ่งจะได้ส่วนลดมากกว่า Swiss Travel Pass ซึ่งหาซื้อได้ที่ Klook ค่ะ)
ข้อแตกต่างระหว่าง Top Of Europe Pass กับ Swiss Travel Pass
บัตร Top of Europe Pass ข้อดีคือจะไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มและจะขึ้นกี่รอบก็ได้ แต่ จำกัดการใช้แค่บริเวณในเขตที่จำกัดไว้เท่านั้น
ส่วนบัตร Swiss Travel Pass ข้อดีคือใช้ได้ทุกที่ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ไม่ว่าจะเป็นรถบัสรถไฟหรือไปเช้าต่างๆใช้ได้ทุกที่ แต่มีข้อเสียคือเวลาขึ้นภูเขาต่างๆ บางที่อาจจะฟรี แต่บางที่ยังต้องเสียเงินอยู่ แต่ก็บางที่ก็อาจได้ส่วนลด 50% จากราคาเต็มให้ค่ะ
เพราะฉะนั้นถ้าใครจะมาเที่ยวควรดูความต้องการของตัวเองเป็นหลักเราควรซื้อตั๋วแบบไหน หรือพาสแบบไหนที่ดีที่สุดสำหรับเรานะคะ
เหตุผลที่เราสองคนเลือกซื้อ Top of Europe Pass
เพราะว่าในทริปนี้ เราขับรถมาเที่ยวกันเอง เราสองคนแทบจะไม่ค่อยได้ใช้รถสาธารณะเลย และตอนนี้เราก็พักอยู่เมืองที่อยู่ใกล้ Interlaken Ost อยู่แล้ว และถ้าเราซื้อบัตร Top of Europe Pass แปลว่าเราก็ไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งจะประหยัดกว่าและคุ้มกว่ามากค่ะ
ราคาค่าบัตร Top of Europe Pass มีหลายราคาและหลายแบบให้เลือก
ระยะเวลา | ผู้ใหญ่ | คนที่มีบัตรส่วนลด* | เด็ก** |
---|---|---|---|
3 Tage | 239.- | 149.- | 30.- |
4 Tage | 269.- | 179.- | 30.- |
5 Tage | 309.- | 219.- | 30.- |
6 Tage | 329.- | 239.- | 30.- |
7 Tage | 349.- | 259.- | 30.- |
8 Tage | 369.- | 279.- | 30.- |
คนที่มีบัตรส่วนลด* อย่างเช่นคนที่มีบัตร Swiss Travel Pass อยู่แล้วสามารถเอามาเป็นส่วนลดได้ค่ะ
เด็ก** เด็กในที่นี้หมายถึงอายุระหว่าง 5 ถึง 16 ปีนะคะ
***สามารถอัพเดทข้อมูลราคาของบัตรได้ในลิงก์นี้ค่ะ www.klook.com
มาจากไทย แล้วอยากซื้อบัตร Top of Europe Pass หรือ Swiss Travel Pass มาล่วงหน้า ก็หาซื้อได้ที่เว็บไซต์ Klook เลยค่ะ เพราะจะได้ราคาดี และบางทีก็มีช่วงโปรโมชั่นด้วย
เราสองคนเลือกแบบ 3 วัน ราคา 239 ฟรังก์ เราซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว โดยบอกกับพนักงานว่าเราจะเริ่มใช้ในวันนี้ค่ะ โดยที่ไม่ต้อง Activate บัตรอีกรอบ และที่สำคัญมากคือ ต้องเก็บบัตรไว้อย่างดีเลยนะ ห้ามหาย เพราะว่าเราจะต้องใช้บัตรในการเดินทางท่องเที่ยวทั้ง 3 วันนี้ค่ะ
*** อัปเดต ปี 2024 นี้ไม่พาสตัวนี้แล้วนะคะ แนะนำให้ใช้ Jungfrau Travel Pass แทนค่ะ ซึ่งจะได้ส่วนลดมากกว่า Swiss Travel Pass ซึ่งหาซื้อได้ที่ Klook ค่ะ)
ทำไมถึงขึ้นชื่อได้ว่าเป็น Top Of Europe
ที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็น Top of Europe ไม่ใช่ว่าเพราะเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในยุโรปนะคะ เพราะภูเขาลูกนี้สูง 3466 เมตร ส่วนภูเขาที่ขึ้นชื่อว่าสูงที่สุดในยุโรปคือ ภูเขา Elbrus (Mount Elbrus) ของประเทศรัสเซีย สูง 5642 เมตร แต่ได้ชื่อว่า Top of Europe เป็นเพราะว่า ที่นี่มีสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรปนั่นเองค่ะ
Jungfraubahn (รถไฟจุงเฟรา)จึงเป็นรางรถไฟไฟฟ้าในประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ที่มีสถานีรถไฟที่สูงที่สุดในยุโรป โดยมีความสูงเกือบ 1,400 เมตรในระยะทาง 9.34 กิโลเมตรค่ะ ตั้งแต่เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2455 (1912) ได้วิ่งจาก Kleinen Scheidegg (ไคลเนอไชเดกก์) ผ่าน Eiger (ไอเกอร์) และ Mönch (เมินช์)ไปยัง Jungfraujoch (จุงเฟรายอร์ค)
การเดินทางขึ้นภูเขา Jungfraujoch
การขึ้นเขา Jungfraujoch ขึ้นได้ 2 ทางค่ะ และสามารถเดินทางจากสถานีรถไฟที่ Interlaken Ost ได้ทั้ง 2 ทางเลยนะคะ แต่เราจะเลือกทางที่ใช้เวลาสั้นที่สุด เพื่อย่นระยะเวลาในการเดินทาง จากที่เห็นในรูปข้างล่างนี้เลย คือ จาก Interlaken Ost นั่งรถไฟไป Grindelwald จาก Grindelwald นั้นก็ขึ้นกระเช้า Eiger Express ไป Eigergletscher สุดท้ายจาก Eigergletscher ก็นั่งรถไฟขึ้นต่อไป Jungfraujoch ค่ะ
ขอบอกเลยว่า การนั่ง Eiger Express จะช่วยย่นเวลาได้มากเลยค่ะ ใช้เวลาจาก Grindelwald ไป Eigergletscher แค่ 45 นาทีเอง นั่นแหละทำให้เรามีเวลาไปเดิน Trail ก่อนขึ้น Jungfrau นั่นเองค่ะ และวิวจาก Eiger Express คือสวยมากๆค่ะ
รูปวิวระหว่างนั่ง Eiger Express ค่ะ
ตรงนี้คือเรามาถึงสถานี Eigergletscher แล้วนะคะ ขวามือในรูปคือคนที่รอรถไฟ เพื่อที่จะขึ้นต่อไปที่ Jungfrau ส่วนถ้าใครอยากเดิน Jungfrau Eiger Walk เหมือนพวกเราเหมือนโพสที่ผ่านมา คือตรงซ้ายมือในรูปจะมีบันไดลงไปค่ะ หรือจะลงลิฟท์ก็ได้ ตรงนี้แหละค่ะคือทางที่เราเดินไปเที่ยวกันก่อนขึ้น Jungfrau
เราได้ทำโพสต์อีกโพสต์หนึ่งเพื่อแชร์เส้นทางเดินเขาจากสถานี Eigergletscher ไปสถานี Kleine Scheindegg ที่เรียกว่า Jungfrau Eiger Walk โดยสามารถเข้าไปอ่านได้ในลิงค์ได้เลยค่ะ
พอเราขึ้นมาถึงข้างบน ทุกสิ่งทุกสิ่งที่น่าตื่นตาตื่นใจคือไม่ใช่แค่รถไฟขึ้นมาบนเขาสูงขนาดนี้ แต่ข้างบนนี้ยังมีตึก ซึ่งมีทั้งร้านอาหาร ร้านขายของ ร้านกิ๊ฟช็อป ร้านขายนาฬิกา (Tissot Shop) ร้านขายช็อกโกแลตชื่อดังที่ชื่อว่า Lindt Swiss Chocolate ถ้ำน้ำแข็ง และอื่นๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าเขาสามารถสร้างทุกอย่างได้บนเขาสูงขนาดนี้
จุดชมวิวด้านบนชื่อว่า Sphinx รอบๆจะมีรายละเอียดว่าข้าหน้าที่เห็นนั้นคือเขาลูกไหน ชื่ออะไร ใครสนใจสามารถอ่านดูได้ค่ะ
Eispalast ถ้ำน้ำแข็ง จะมีผลงานศิลปะด้วย อย่างงานแกะสลักจากน้ำแข็งต่างๆ เช่น นกอินทรี เพนกวิน และหมี ดูเหมือนเพิ่งถูกแช่แข็งจนกลายเป็นน้ำแข็งเลยค่ะ
Plateau จุดชมวิวบนยอดเขาจุงเฟรายอร์ค ในอีกด้านหนึ่ง Mittelland แผ่ขยายออกไปและมองเห็นทิวทัศน์ของ Black Forest และ Vosges ในอีกทางหนึ่ง Aletsch Glacier
Aletschgletscher Snow fun ช่วงหิมะตกในหน้าหนาว ตรงนี้จะเป็นจุดไว้ทำกิจกรรมต่างๆของหน้าหนาวค่ะ และเวลาหน้าร้อนก็จะเป็นจุดขายเครื่องดื่มนั่งชมวิวชิวๆ จากจุดนี้ไปจะเป็นทางเดินไป Möchsjochhütte ได้ค่ะ
เราต้องการเดินไปที่ Möchsjochhütte กันค่ะ คนกำลังเดินกันเยอะเลย ดูน่าสนุกและไม่น่าจะเหนื่อย เราเดินไปได้ซักประมาณ 20 นาที ก็รู้สึกว่าเมื่อยขามาก แต่ไม่ได้เหนื่อยนะคะ แต่รู้สึกเมื่อยและปวดขาเนื่องจากระยะทางที่เราเดินเป็นหิมะแบบแฉะๆ เป็นเพราะคนมาเดินกันเยอะ และความร้อนจากจะแสงอาทิตย์ในช่วงบ่ายด้วยมั้ง อาจทำให้หิมะเริ่มละลายและแฉะมากๆ
เราสองคนเลยคุยกันว่าเราไม่เดินต่อดีกว่าหยุดพักกันตรงนี้แล้วก็เดินกลับ เพราะพรุ่งนี้เรายังมีแพลนคือต้องเดินอีกหลายที่เลย อยากเก็บแรงไว้ดีกว่าค่ะ
วันนี้เราสองคนอยู่ข้างบน นี้ประมาณ 4 ชั่วโมงด้วยกัน ถ้ารวมที่เราเดินเทรลข้างล่างก่อนที่จะขึ้นมาด้วยแล้ว ก็น่าจะประมาณ 6 ชั่วโมงค่ะ เป็นวันที่เราใช้เวลาได้คุ้มค่ามากอีกวัน สิ่งที่เราได้เห็นและได้สัมผัสเรารู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับเงินที่เราเสียใปมากๆ ข้างบนนี้อาจจะไม่ได้ว้าวสวยสุดๆเหมือนหลายที่ในสวิตเซอร์แลนด์ แต่สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดข้างบนนี้คือ การก่อสร้างบนเขาสูงขนาดนี้ ทั้งที่ในสมัยก่อนก็ไม่ได้มีอุปกรณ์ที่ทันสมัยมากมาย ทั้งต้องใช้เวลาที่ยาวนานในการก่อสร้าง มีการสูญเสียมากมายหลายชีวิตกว่าจะสร้างเสร็จ น่าจะเป็นสิ่งที่น่าสนใจและน่าศึกษามากกว่า บอกเลยว่าเงินที่เราเสียไปเพื่อขึ้นมาบนนี้ มันคุ้มจริงๆค่ะ
สุดท้าย อยากจะบอกว่า ถ้าใครมีโอกาสมาเที่ยว Switzerland ควรลงขึ้นมาเที่ยวข้างบนเขา Jungfraujoch ที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็น Top of Europe ซักครั้งนะคะ