ทัวร์หนึ่งวันเต็มจากเมืองโฮจิมินต์ เพื่อไปดูเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินชื่อดังที่เชื่อมถึงกันในอำเภอกู๋จีในโฮจิมินห์ซิตี คุ้มไหม? มาดูกันค่ะ
ช่วงเช้า
เราจะเดินทางไปเที่ยว แบบทัวร์เต็มวันอุโมงค์กู๋จี่ และสามเหลี่ยมแม่น้ำโขงกันค่ะ พวกเราใช้บริการของ Kimtravel โดยที่ทัวร์จะเริ่มประมาณเวลา 07:40 น. – 18:45 น. เป็นทัวร์ทั้งวันเลยค่ะ เดี๋ยวมาดูซิว่าเราแวะที่ไหนบ้างในวันนี้ค่ะ
ในช่วงเช้าเลย ประมาณ 07.30 น. ไกด์จะมารับเราขึ้นรถจากโรงแรมของเราในเมืองโฮจิมินห์เลย และมุ่งหน้าไปยังอุโมงค์กู๋จี ระหว่างทางจะมีไกด์บรรยายเป็นภาษาอังกฤษตลอด และแจกน้ำคนละหนึ่งขวดด้วยค่ะ
Lamphat Company งานฝีมือ ซึ่งได้ทำโดยผู้พิการ
ระหว่างทางไปอุโมงค์กู๋จี รถตู้ของเราก็แวะมาที่ Lamphat Company ซึ่งเป็นร้านภาพวาดและงานฝีมือ ซึ่งได้ทำโดยผู้พิการค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเหยื่อสงครามที่ไม่สามารถทำงานในสำนักงานหรืออาชีพอื่นๆได้ แต่ทั้งนี้พวกเขาก็ยังต้องการหาเลี้ยงชีพอยู่ใช่ไหมค่ะ แต่เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่รู้ว่ามีองค์กรต่างๆ ที่ช่วยเหลือและจ้างงานคนเวียดนามพิการค่ะ แทนที่จะปล่อยให้พวกเขาออกไปขอทานตามถนนเพราะขาดทางเลือก องค์กรก็ส่งเสริมดดยการเพิ่มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและศิลปะให้แก่ผู้พิการได้รับโอกาสในการเรียนรู้ศิลปะการวาดภาพลงสี เพื่อทำให้พวกเค้าได้มีรายได้ค่ะ
เราจะได้เห็นกระบวนการทำงานทั้งหมด และสามารถที่จะอุดหนุนผลงานของคนพิการเหล่านี้ด้วย ซึ่งเค้าจะมีไว้ขายในโชว์รูม (ตรงนั้นเค้าห้ามถ่ายรูปค่ะ) สำหรับเราแล้วรู้สึกว่าราคาสูงมากกว่าตลาดข้างนอกเยอะเลยค่ะ แต่เนื่องจากสามีอยากช่วยอุดหนุน และส่งเสริมคนพิการเหล่านี้ พวกเราเลยซื้อแจกันกับถาดสำหรับเสริฟ ทั้งสองชิ้นในราคาเกือบ 6,000 บาทค่ะ (สำหรับเราคือ อื้อหือแพงจัง แต่ไม่อยากจะคิดมากเนาะ เมื่ออยากช่วยเค้าอยู่แล้ว)
Cu Chi Tunnels (อุโมงค์กู๋จี่)
ใช้เวลาประมาณ 1.5 ชั่วโมง เราก็เดินทางต่อถึงอุโมงค์กู๋จีค่ะ อุโมงค์กู๋จีอันโด่งดังนี้ สร้างขึ้นโดยเกษตรกรและนักรบต่อต้านในช่วงทศวรรษ 1930 เพื่อซ่อนอาวุธและเสบียงไม่ให้ผู้ยึดครองชาวฝรั่งเศส ในช่วงปลายทศวรรษปี 1960 อุโมงค์ได้รับการขยายจนเกิดเป็นโครงข่ายทางเดินใต้ดินและถ้ำใน 3 ชั้น ลึกถึง 10 เมตร ทอดยาวเป็นระยะทาง 220 ถึง 250 กิโลเมตร
ทางเดินในอุโมงค์จะแคบและต่ำมากๆ จนยากสำหรับทหารอเมริกัน ที่มักจะตัวสูงกว่าและยากมากในการเข้าถึง ระบบอุโมงค์จะประกอบด้วยฐานบัญชาการทั้งหมด โรงพยาบาล และครัวสนาม ครบวงจรมากๆ ชาวเวียดนามประมาณ 12,000 คนเสียชีวิตในอุโมงค์อันเป็นผลมาจากการทิ้งระเบิด หรือกองทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นพิเศษของทหารอเมริกันค่ะ ปัจจุบันอุโมงค์กู๋จีเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดในเวียดนามเลยค่ะ
ตรงด้านหน้าจะมีแผนที่ขนาดใหญ่ให้เราได้เห็นว่า ด้านในนั้น ตรงจุดไหนมีอะไรบ้างค่ะ
ไกด์ก็จะพาเราเดินเที่ยวตามจุดต่าง พร้อมให้ข้อมูลไปด้วย ตรงนี้คือกับดักที่ซับซ้อนซึ่งมีบทบาทสำคัญในสงครามสมัยนั้นค่ะ
รูปด้านบนนี้คือพวกเราสามารถเข้าใปลงดูและพิสูจน์ด้วยค่ะ ว่าอุโมงค์เค้าเล็กขนาดไหน แต่เราลงไปแป้บเดียวแล้วขึ้นมาเลยค่ะ ไปต่อไม่ได้ ตรงจุดต่อไปเราถึงจะได้ลองเดินดูข้างในอุโมงค์จริงๆ
พอเดินถึงจุดต่อมา พวกเราจะมีโอกาสที่จะลงอุโมงค์ด้วย ตรงนี้เค้าขุดให้ใหญ่ขึ้นเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าไปได้ค่ะ ( เป็นระยะทางสั้นๆ และไม่ลึกมาก แต่ไม่แนะนำสำหรับคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบหายใจนะคะ)
พวกเราต่อคิวลงไปกันค่ะ มืดเหมือนกันนะ แต่โชคดีที่เค้ามีไฟให้เป็นระยะๆ
ระหว่างทางต้องก้มตลอดทางนะคะ ทางแคบมาก เมื่อยก็เมื่อย หายใจไม่ค่อยสะดวกค่ะ เพราะอากาศข้างล่างมีน้อย
พอสัมผัสแบบนี้แล้ว รู้สึกทึ่งมากว่าคนเวียดนามอยู่กันได้อย่างไรในนี้ เพราะเราลงไปแป้บเดียวก็รู้สึกอึดอัดมากๆแล้วค่ะ คนเวียดนามสมัยก่อนเก่งมากๆที่สร้างอุโมงค์แห่งนี้ได้ถึง 3 ชั้น ลึกถึง 10 เมตร ทอดยาวเป็นระยะทาง 220 ถึง 250 กิโลเมตรเลยทีเดียวค่ะ
ต่อไปพวกเราก็เดินมาถึงสนามยิงปืนค่ะ เผื่อใครอยากลองยิงปืนสงครามในสมัยก่อนก็มาลองยิงได้ค่ะ (ถ้าใครอยากยิงตรงนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มนะคะ) ถ้าใครไม่ยิงก็สามารถที่จะนั่งรอ หรือช้อปปิ้งรอก็ได้เหมือนกัน ตรงจุดยิงปืนนี้จะมีมุมขายของที่ระลึกอยู่ค่ะ
ตรงใกล้จุดยิงปืนตรงนั้นจะมีการสาธิตการทำแป้งกระดาษด้วย ซึ่งเค้าทำแบบสมัยก่อนเลย ตรงนี้น่าสนใจมากๆค่ะ
พอเสร็จแล้วไกด์จะพาเราเดินมาตรงจุดที่ให้ความรู้เพิ่มเติม เกี่ยวกับความเป็นมาของสถานที่แห่งนี้ ไกด์ก็จะอธิบายพร้อมมีรูปภาพประกอบ น่าสนใจสำหรับคนที่สนใจเกี่ยวกับสงครามเวียดนามในสมัยก่อนมากๆค่ะ
พักเที่ยง
หลังจากนั้นพากเราจะได้ทานอาหารกลางวันกัน ร้านก็อยู่ในค่าย Cu Chi นั่นเอง ซึ่งเป็นอาหารเวียดนามท้องถิ่น ก็อร่อยดีค่ะ คล้ายๆอาหารไทย ปล. สำหรับคนที่ไม่ทานเนื้อ ก็มีอาหารมังสวิรัติให้ด้วยค่ะ สรุปแล้วพวกเราใช้เวลาทั้งหมดที่อุโมงค์กู๋จี่ประมาณ 3 ชั่วโมงค่ะ
ช่วงบ่าย
Mekong Delta (สามเหลี่ยมแม่น้ำโขง)
มาต่อกันที่ช่วงบ่ายค่ะ หลังอาหารกลางวัน เราจะมุ่งหน้าไปยังหมี่โถ (My Tho) ใจกลางของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง (Mekong Delta) กันต่อค่ะ ซึ่งต้องขับรถต่อมาอีกประมาณชั่วโมงเศษๆ
พอมาถึงไกด์ก็พาพวกเรานั่งเรือไปตามแม่น้ำโขง ซึ่งเราจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตในชนบทของคนเวียดนามที่อาศัยอยู่ริมโขง แวะบ้านผึ้งและดื่มชาน้ำผึ้ง ชมโรงงานผลผลิตจากมะพร้าว เค้าจะมีผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากมะพร้าวให้ชิมและเลือกซื้อตามสะดวกเลยค่ะ จากนั้นก็ฟังดนตรีสดท้องถิ่นที่แสดงโดยชาวบ้านและทานผลไม้ท้องถิ่นด้วย ทุกที่ๆไปจะมีสนค้าที่จะให้เราซื้อด้วยนะคะ แต่เค้าก็ไม่บังคับนะคะ ใครไม่ชอบก็ไม่ซื้อก็ได้ค่ะ
จากนั้นปิดท้ายทัวร์ด้วยการนั่งเรือสำปั้นไปตามลำน้ำเล็กๆ ที่มีต้นจากเรียงรายสองข้างทาง ตรงนี้พวกเราชอบมากๆค่ะ โชคดีที่เราได้นั่งด้านหน้า เลยได้ถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอแบบจุใจมากค่ะ
จากนั้นก็นั่งเรือลำเก่ากลับ ระว่างที่นั่งเรือกลับเค้าก็แจกมะพร้าวน้ำหอมให้ดื่มน้ำมะพร้าวคนละลูกค่ะ หอม หวานชื่นใจมากๆ มาถึงที่จอดรถตู้ของเราแล้ว ก็เดินทางกลับโฮจิมินห์ซิตี้กันค่ะ ทัวร์หนึ่งวันเต็มก็เสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์ รถก็จะมาส่งเราถึงโรงแรมเลย พวกเรามาถึงโรงแรม 1 ทุ่มเศษๆค่ะ
สำหรับเราก็แนะนำเลยค่ะ เป็นอะไรที่คุ้มมากๆค่ะ ถ้าใครมีเวลา จะซื้อทัวร์แยกก็ได้นะคะ คือไปเที่ยวอุโมงค์กู๋จี่ (Cu Chi Tunnels) และสามเหลี่ยมแม่น้ำโขง (Mekong Delta) แยกที่ละวันไปเลย จะได้ไม่แน่นหรือเหนื่อยจนเกินไปค่ะ