หากใครวางแผนมาเที่ยวเยอรมนีในปี 2025 การรู้จักกับ Deutschland-Ticket หรือที่เรียกกันว่า “ตั๋ว 58 ยูโร” จะช่วยให้การเดินทางของคุณสะดวก ประหยัด และครอบคลุมทั่วประเทศ ต่อไปนี้คือหลายๆข้อที่ควรรู้เกี่ยวกับตั๋วนี้ค่ะ
1. ตั๋ว 58 ยูโร คืออะไร
ตั๋ว 58 ยูโรในเยอรมนีคือ Deutschlandticket (หรือเรียกสั้น ๆ ว่า D-Ticket) ซึ่งเป็นบัตรโดยสารรายเดือนสำหรับการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2025 เป็นต้นไป ราคาของตั๋วนี้ได้ปรับเพิ่มจากเดิม จากปีที่แล้วคือ 49 ยูโรเปลี่ยนเป็น 58 ยูโรต่อเดือนในปีนี้ค่ะ
2. ตั๋วนี้นี้นั่งรถขนส่งสาธารณะในเยอรมันอะไรได้บ้าง
ใช้เดินทางไม่จำกัดในระบบขนส่ง ท้องถิ่น (Regionalbahn, S-Bahn, U-Bahn, Bus, Tram) ทั่วเยอรมนี
แต่จะไม่ครอบคลุม รถไฟความเร็วสูง (ICE, IC, EC), Flixbus, Flixtrain เป็นต้น
3. ควรซื้อวันไหนดี?
ตรงนี้คนจะยังสับสนเยอะ เลยอยากมาอธิบายว่าช่วงไหนที่ควรซื้อ เนื่องจากเป็นตั๋วเดือนตั๋วจึงจะมีผลใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือน ถึงวันสุดท้ายของเดือนนั้นๆเนาะ เพราะฉะนั้นถ้าเราจะใช้งานในเดือนถัดไป ให้สมัครก่อนสิ้นเดือนค่ะ (เช่น ใช้เดือนพฤษภาคม ต้องสมัครภายในวันที่ 30 เม.ย. หรือ 1 พ.ค.ค่ะ) แล้วเราก็จะเริ่มใช้งานได้ตั่งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมเลย แต่ถ้าใครจะใช้งานประมาณ กลางเดือนพฤษภาคม เช่นวันที่ 18- 25 พฤษภาคม ก็สามารถซื้อตั๋วประมาณปลายๆเดือนเมษายน หรือต้นเดือนพฤษภาคมก็ได้เหมือนกัน แต่ต้องก่อนวันที่ 10 ของเดือนพฤษภาคมค่ะ เพราะเราต้องทำการยกเลิกตั๋วก่อนวันที่ 10 พฤษภาคมนั่นเอง
แล้วถ้าเรากดซื้อหลังวัน 10 พฤษภาคมไปแล้วล่ะ ก็ซื้อได้เหมือนกัน แต่เราจะยกเลิกสัญญาของสิ้นเดือนพฤษภาคมไม่ทันแล้วค่ะ จะทันคือของเดือนถัดไปคือมิถุนายนนั่นเองค่ะ เท่ากับเราต้องซื้อสองเดือนเลย ข้อนี้ต้องระวังมากๆถ้าใครต้องการใช้แค่ 1 เดือน หรือน้อยกว่านั้นค่ะ
สรุปง่ายๆคือ เราต้องยกเลิกก่อนวันที่ 10 ในเดือนที่เราต้องการจะยกเลิกค่ะ เช่นถ้าสิ้นเดือนเมษายน เราไม่ต้องการใช้แล้ว เราต้องยกเลิกก่อนวันที่ 10 ของเดือนเมษายนค่ะ
หรือ สิ้นเดือนพฤษภาคมเราไม่ต้องการใช้แล้ว เราต้องทำการยกเลิกก่อนวันที่ 10 ของเดือนพฤษภาคมค่ะ ประมาณนี้ค่ะ
.
4. ถ้ามาเที่ยวแบบคร่อมเดือนล่ะ ?
เนื่องจากตั๋วนี้เป็นตั๋วเดือน ตั๋วจึงจะมีผลใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ของเดือน ถึงวันสุดท้ายของเดือนค่ะ ถ้าเราเที่ยวคร่อมเดือน เช่นถ้ามาเที่ยว 20 พฤษภาคม-03 มิถุนายน เราก็สามารถทำได้ สองแบบคือ ซื้อตั๋ว 58 ยูโรทั้ง 2 เดือนไปเลย หรือจะซื้อตั๋ว 58 ยูโรเฉพาะเดือน พฤษภาคม และอีก 3 วันในเดือนมิถุนายนก็แพลนเที่ยวใกล้ๆในเมืองสุดท้ายที่เราพัก แล้วซื้อตั๋ววันต่อวันในเมืองๆนั้นไป หรือซื้อตั๋วแบบอื่นอะไรประมาณนี้ค่ะ
5. ทำไมต้องทำการยกเลิกสัญญาตั๋ว
เนื่องจากตั๋ว 58 ยูโรเป็นแบบสมัครสมาชิก (Abo) เพราะฉะนั้นเราต้องยกเลิกก่อน วันที่ 10 ของเดือนค่ะ เพื่อจะไม่ให้ถูกหักเงินเดือนถัดไป (กรณีที่เราแค่มาเที่ยว และไม่ใช้ทุกเดือนนะคะ)
6. วิธีการยกเลิก?
เข้าแอปหรือเว็บไซต์ที่เราสมัคร เช่น DB Navigator, BVG (เบอร์ลิน), HVV (ฮัมบูร์ก), MVV (มิวนิค) หรือเว็บของบริษัทรถไฟภูมิภาค จากนั้นก็ไปที่ “Meine Tickets” หรือ “Abo verwalten” → เลือก “kündigen” หรือ “Stornieren” หรือบางแอปเราสามารถที่จะยกเลิกสัญญาตั๋วได้จากอีเมล์ที่ส่งมาให้ก็ได้เหมือนกัน เช่นแอป MVV (มิวนิค) เป็นต้น
****** ป้องกันการลืมในการยกเลิกตั๋วแนะนำให้ทำการยกเลิกทันที หลังจากการซื้อเสร็จ และได้ QR Code แล้วเลยค่ะ
7. ซื้อตั๋ว 58 ยูโรจากที่ไหนได้บ้าง?
แอป DB Navigator (ของ Deutsche Bahn) ,แอปของแต่ละภูมิภาค เช่น BVG, RMV, MVV อื่นๆ และ เว็บไซต์ของ Deutsche Bahn หรือบริษัทขนส่งท้องถิ่นในเยอรมันค่ะ อ่านวิธีการซื้อตั๋ว 58 ยูโรในแอป MVV
sawadeedeutschland.com/how-to-buy-deutschland-ticket แบบวีดีโอ https://youtu.be/pDYeoESUkRM
8. เปลี่ยนคนถือบัตรได้ไหม ?
เปลี่ยนคนถือบัตรไม่ได้ค่ะ เพราะตั๋วจะผูกกับ ชื่อ-นามสกุล ของผู้ถือ บางทีอาจต้องแสดง บัตรประชาชน / หนังสือเดินทาง คู่กับตั๋วเมื่อเราถูกตรวจค่ะ
9. ซื้อให้บุคคลอื่นได้ไหม เช่นลูก หรือพ่อแม่ เพราะมีเราคนเดียวที่มีบัตรเครดิต ?
ซื้อได้ค่ะ การซื้อตั๋ว 58 ยูโรในบัญชีเรา บัตรเราให้กับคนอื่น โดยให้ตั๋วเป็นชื่อบุคคลนั้นๆ โดยที่ไม่ต้องเปิดบัญชีใหม่ ซึ่งก็ทำได้เหมือนกันค่ะ ซึ่งทางเพจได้โพสวิธีการซื้อให้บุคคลอื่นไว้แล้ว สามารถดูได้ที่ลิงค์ข้างล่างนี้เลยค่ะ
10. ไม่มีเครดิตการ์ดใช้ Travel Card จากไทยซื้อได้ไหม?
ซื้อได้ค่ะ เพราะลองใช้ของ Youtrip ของกสิกรไทยซื้อดูในแอป MVV ดูแล้ว ซึ่งก็ซื้อได้เหมือนกันค่ะ
สุดท้าย …อย่าลืมเมื่อเราซื้อตั๋วเสร็จ อย่าลืมที่จะแคป QR Code ตั๋ว 58 ยูโรของเราไว้ด้วย และส่งให้เพื่อนร่วมทางของเราเก็บไว้ทั้งสองฝ่ายนะคะ เผื่อเกิดกรณีที่ไม่คาดระหว่างทางที่เราท่องเที่ยวเช่น ไม่มีเน็ต หรือแบตหมดเป็นต้นค่ะ เพราะถ้าเจ้าหน้าที่มาตรวจจะได้มีให้เค้าแสกน ไม่งั้นจะโดนปรับได้นะคะ 🙂