ยอมรับว่าเครียด เพราะเห็นชั่วโมงที่เราเริ่มเยอะขึ้น เราจดบันทึกเอาไว้ทุกวัน มันเยอะกว่าที่เราคาดการณ์ไว้มาก ซึ่งแปลว่า เกินงบที่สามีให้แน่ๆ แต่ ณ จุดนั้นมันถอยหลังไม่ได้แล้ว
เราต้องไปต่อ เราต้องสู้ต่อ!! เวลาสามีขับรถ เราก็สังเกตดูว่าเค้าขับยังไง และถามเค้าตลอดวิธีการขับของเค้า เวลา เสาร์ อาทิตย์ ก็ขอร้องให้เค้าขับพาไปขึ้นทางด่วน และดูวิธีการขับของเค้า ซึ่งทำให้เราเข้าใจจังหวะและทริคในการขับเข้าทางด่วน และการขับออกจากทางด่วนมากขึ้น ต้องขอบคุณสามีมากๆ ณ โอกาสนี้….
2 อาทิตย์นั้น เราขอที่ทำงานลาพักร้อน และเราขอครูลงเรียนแทบทุกวัน เพื่อความชัวร์ และเพื่อเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง (อย่างที่บอกไม่สนใจแล้วว่าจะหมดค่าทำใบขับขี่เท่าไหร่) และก็พยายามไม่ล่อกแล่ก นิ่ง ทำให้ขับมีสมาธิมากกว่าเดิม และเป็นสิ่งที่ตัดสินใจถูก เราขับดีขึ้น หลังจากนั้นเราก็สามารถขับขึ้น Autobahn ได้เองโดยที่ครูไม่ต้องช่วย ทำผิดพลาดน้อยลง ครูเองก็ดีใจที่เห็นพัธนาการที่ดีขึ้นของเรา
เรียนขับชั่วโมงสุดท้ายก่อนสอบ ครูไม่สอนขับแต่ครูสอนการตอบคำถามให้ เพราะก่อนสอบขับคนคุมสอบจะถามเกี่ยวกับความรู้ทางด้านเครื่องยนต์กับเรา เพื่อให้รู้ว่าเรามีความรู้ด้านรถยนต์ และเครื่องยนต์ด้วย ไม่ใช่แค่ขับเป็นอย่างเดียว….คืนสุดท้ายก่อนสอบ สามีพูดมาว่า ทำให้เต็มที่ ถ้าตก ก็อย่าเสียใจนะ สอบใหม่ได้ ขอแค่อย่าเครียดเป็นพอ ฉันเป็นกำลังใจให้ เป็นคำพูดที่ทำให้เรารู้สึกดีมาก ดีใจที่สามีเข้าใจและอยู่เคียงข้างมาตลอด ขอบใจนะ …
วันสอบขับก็มาถึง !!!
เราตื่นแต่เช้า โชคดีที่เมื่อคืนหลับสนิท อาจเป็นเพราะคำพูดของสามี ทำให้เราไม่คิดมาก แต่เช้าวันนี้เราเลือกที่จะไม่ดื่มกาแฟ เพราะกลัวว่าจะทำให้ใจสั่น แต่เราทานช็อคโกแลตไป 1 แท่งไปแทน เพราะเคยอ่านเจอเค้าบอกว่า ช็อคโกแลตจะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลาย เออรู้สึกได้เลยนะ ว่าเราไม่ค่อยตื่นเต้นมากเท่าไหร่ เอ๊ะ หรือว่าเราคิดไปเองก็ไม่รู้นะ
เรานัดกับครูที่ Tüv เวลา 09.15 น.เป๊ะ พอพากันมาถึง เราสองคนก็ยืนรอคนคุมสอบกัน เป็นเช้าหนาวมากกกก เพราะเข้าหน้าหนาวแล้ว (-3 องศา) ยืนรอกันขาสั่นเลยทีเดียว ครูมองหน้าและบอกว่า มั่นใจในตัวเองนะทิน่า เธอต้องทำได้ ครูยิ้มให้พร้อมเอามือมาจับและบีบให้กำลังใจ เรามองหน้าครู พึ่งสังเกตเห็นว่าครูหล่อจังแฮะวันนี้ อิอิ เรายิ้มตอบและบอกว่าฉันจะพยายามทำให้เต็มที่ ขอบใจนะ 🙂
พอคนคุมสอบมาก็ทักทาย แนะนำกันเรียบร้อยแล้วเ เค้าก็ถามเกี่ยวยางรถ ว่าก่อนขับรถควรเช็คยางก่อน เพื่อความปลอดภัย อยากรุ้ว่าควรเช็คอย่างไร? เราก็ตอบว่า ควรเช็ครอบยางว่ามันยางมันสึกไหม? มีความเสียหายไหม? และยางควรเติมลมให้ได้มาตรฐาน ตามที่กำหนดไว้ด้วย เค้าก็ถามต่อว่า แล้วรุ้ได้อย่างว่าลมเราควรเติมเท่าไหร่? เราก็ตอบว่าดูในคุ่มือ หรือไม่ก็ดูตรงนี้ พร้อมชี้ให้เค้าดู (ตรงประตูคนขับจะมีแผ่นแปะอยุ่เพื่อโชว์ให้ดูว่าเราควรเติมลมยางหน้าและหลังเท่าไหร่) เค้าก็ถามต่อ ตรงไหนคือปุ่มกดไฟฉุกเฉิน เราก็กดให้เค้าดู เค้าบอก ดีมาก จากนั้นก็ขึ้นรถกัน (ครูมีแอบยิ้มให้ 555)
พอขึ้นรถ ก็ปรับกระจก ปรับเบาะ ให้เหมาะกับเรา ครูจะนั่งเบาะข้างเราผู้สอบ เหมือนตอนเรียนขับรถ ส่วนคุมสอบจะนั่งเบาะหลัง จากนั้น คนคุมสอบก็บอกว่าเค้าจะบอกให้ไปทางไหน ถ้าไม่บอกคือให้ตรงไป เพราะฉะนั้นตั้งใจฟังดีๆ ถ้าไม่เข้าใจให้ถาม พร้อมให้พรให้สอบผ่าน เราก็หันไปขอบคุณเค้า (พร้อมสาธุในใจ😁)…
ขับออกจาก TÜV ก็ตรงก็เข้าตัวเมืองโซน 50 และขึ้นทางด่วนเลย โชคดีที่ตอนขึ้นทางด่วน รถไม่เยอะแล้ว และตรงนี้เป็นทางด่วนที่ครูเคยพาเรามาฝึกขับแล้ว เลยขึ้นได้สบายสบายๆ ขับสบายๆ เกียร์ 6 ระหว่างขับก็มองกระจกหลังมั่ง ข้างมั่ง เค้าจะได้เห็นว่าเราใส่ใจกับเพื่อนร่วมถนน พอจะออกเค้าบอกแค่ชื่อเมือง เราก็ดู เห็นว่าเป็นทางออกข้างหน้าก็ขับออกตามเสต็บที่ครูสอนเป๊ะๆค่ะ ทุกขั้นตอนทั้งตอนเข้าออกที่บอกคือ กระจกหลัง ข้าง และมองข้ามไหล่ตลอดนะค่ะ ห้ามลืมเลย เพราะคนคุมสอบมองตลอดเลย. พอออกจากทางด่วนก็เป็นวงเวียน เข้าวงเวียนเราใช้เกียร์ 2 ไม่มีรถก็เข้าสบายๆเลย (ถ้ามีก็ต้องเกียร์ 1รอเข้า) พอออกจากวงเวียนก็ เปิดไฟเลี้ยว กระจกหลัง ข้าง มองข้ามไหล่ ขับออกไป >>>>>
จากนั้นก็ขับไปนอกเมือง ซึ่งมีทั้งโซน 70 ,100 บางทีก็ลับมาอีกเมือง ต้องเปลี่ยน 50…เดี๋ยว. 30 ต้องดูป้ายตลอดเลยค่ะ ตรงนี้พลาดไม่ได้เลย เพราะป้ายเปลียนตลอด 😅 ช่วงนี้ครูกับคนคุมสอบเริ่มคุยกันละ แต่เราไม่สนใจ เราดูแค่ป้ายของเราไป ผ่านไป 2 หมุ่บ้าน เข้ามาในหมุ่บ้าน คนคุมสอบให้จอดท้ายรถอีกคัน (Parallel) จอดได้ไม่มีปัญหาค่ะ ( ครูแอบยิ้มให้อีกละ ตลกมาก แกคงลุ้นให้เรา 555 )
ขับเข้าเมืองเขต 30 และ เขต ขวาก่อนซ้าย โชคดีช่วงเวลานี้รถไม่ค่อยเยอะ เข้าเกียร์ 2 ชะโงกดูไม่มีรถก็ขับผ่านคะ เลยขับสบายหน่อย และเข้า Einbahnstraße เรารุ้แหละว่าเดี๋ยวเค้าต้องให้เลี้ยวซ้ายแน่ๆ ก็จริงๆด้วย พอบอกเราก็ขับเข้าแอบซ้ายเพื่อเลี้ยวซ้าย แล้วก็ตามเสต็บเหมือนเดิม (กระจกหลัง ข้าง ไฟเลี้ยว มองข้ามไหล่ซ้าย แล้วเลี้ยว)
ขับต่อเจอซุปเปอร์มาเก็ต คนคุมให้ขับเข้าเพื่อทำการจอดแบบ Vorwärts Link โชคดีมากเพราะคนคุมสอบเลือกให้ที่จอดกว้างมาก โชคดีอีกละ 5555 สบายเราเลย 😁….ขับออก
ที่นี้มาถึงจุดที่เราพลาด!!คือ จุดจอดรอไฟแดง เนื่องจากเป็นทางลาดชัน ทำให้เราไม่สังเกตเห็นเส้นแดงรอสัญญาณไฟ เราเลยจอดรอสัญญาณไฟ ห่างไปเยอะเลย 🙁 คนคุมสอบมองเห็น เค้าไม่พูดอะไร เรายังขับต่อไป พร้อมคิดในใจ ฉันสอบตกแน่ๆ จิตใจเริ่มกังวล แต่ก็พยายามควบคุมสติ และบอกกับตัวเองว่า ช่างมัน ตกก็ตก แต่ตอนนี้ไม่เห็นคนคุมพูดอะไร แปลว่าเราน่าจะยังมีสิทธิ์ลุ้น(มั้ง) ซักพักแกก็ให้เราวนกลับมาจุดเดิม คือตรงไฟแดงที่เป็นทางลาดชันอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เราจำได้และเห็นเส้นชัดละ เราก็จอดรอสัญญาณไฟตรงเส้นแบบเป๊ะเลย จากนั้นก็ขับต่อ
แล้วเข้าโซน 30 ซอยนี้เงียบหน่อย ไม่ค่อยมีรถผ่าน คนไม่พลุกพล่าน คนคุมสอบเลยให้ทำ Vollbremsung (หรือ Gefahrbremsung คือการเหยียบเบรคแบบกะทันหัน กรณีมีสัตว์หรือเด็กวิ่งผ่าน แล้วเราต้องเหยียบเบรคกะทันหัน และรถต้องไม่ดับ แต่ถ้าเราทำรถดับคือตก ) เราขับอยุ่เกียร์ 2 ความเร็ว 30 km/h พอครูให้สัญญาณ เราเหยียบเต็มที่ ครูและคนคุมชอบใจใหญ่ ทำเสร็จเค้าบอกโอเค ดีมากขับกลับ TÜV กัน เชื่อมะก่อนออกรถ ทั้งสองคนมองมาที่เรา เพื่อจะดูว่าเราจะเปิดไฟเลี้ยว มองกระจก และมองข้ามไกล่ตามสเต็บก่อนออกรถไหม เราอยากขำมากเลยนะตอนนั้น เพราะมันดูออกว่าเค้าทั้งสองคนแอบมองอยุ่ เราก็เลยแสดงให้เห็นเต็มที่ เปิดไฟเลี้ยว มองกระจกหลัง ข้าง มองข้ามไหล่ให้เห็นจะๆ แล้วขับออกไป แอบเห็นครูยิ้มอีกละ 555 😂 (เค้ามาบอกทีหลังเค้าลุ้นหนักมาก กลัวเราลืม เพราะคนตกตรงนี้เยอะ 5555)
ขับกลับมาถึง TÜV คนคุมสอบก็บอกว่า คุณขับดีนะ แต่มีพลาดตรงไฟแดงที่ตอนแรกจอดก่อนเส้นเยอะไป คือแปลว่า สอบตก !! แต่รอบสองที่วนกลับมา เธอจอดรอตรงเส้นเป๊ะเลย ทำได้ดีมาก ฉันเลยให้ผ่าน ยินดีด้วย คุณสอบผ่าน พอได้ยินคำนี้ เรายิ้มแป้นเลย น้ำตาไหลพรากๆ ร้องไห้ด้วยความดีใจ ตอนนี้รุ้สึกโล่งใจมาก ถึงมากที่สุด ครูยิ้มบอกฉันภูมิใจในตัวเธอนะ วันนี้เธอขับได้ดีมาก …ก็บอกขอบคุณเค้าเหมือนกันที่ช่วยสั่งช่วยสอน เรารุ้ว่า เราก็ทำให้เค้าปวดหัวเยอะเหมือนกัน พูดเสร็จก็เข้าไปกอดครู ร้องไห้สะอึกสะอื้น ก่อนลาจากกันด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตา …
สุดท้าย
ก็อยากจะบอกเพื่อนๆพี่ๆ และน้องๆที่กำลังทำใบขับขี่อยุ่ว่า ตอนสอบไม่น่ากลัวเหมือนที่เราคิดเลย (ตอนเรียนยากกว่าเยอะ 555 ) สติ นิ่ง ทำตามเสต็บ ช่วงขับก็มองกระจกหลัง ข้าง บ้างเป็นระยะๆจะได้ดูว่าเราใส่ใจกับเพื่อนร่วมทาง และไม่พลาดเรื่องป้าย เท่านั้นเองค่ะ ไม่ต้องกลัว …👍👍
ตกลงค่าใช้จ่ายในการทำใบขับขี่ (ทองคำ)นี้อยู่ที่ ประมาณ 1800 ยูโร แต่ถ้ารวมพวกเอกสารแปล และการตรวจวัดสายตาและรายจ่ายจิปาถะอื่นๆด้วยก็ตกเกือบ 2000 ยูโร!! คิดเป็นเงินไทยประมาณ 70,000 บาท!!! โอ้ยยย แพงเว่อร์ แต่ถ้าคนขับรถเก่งๆจะไม่ต้องแพงขนาดนี้นะ อย่างที่บอกตอนเราอยุ่ไทยขับเป็นนะแต่ไม่ใช่คนขับรถเก่งและไม่บ่อยด้วย (แถมขับแต่เกียร์ออโต้ ) และช่วงรอสอบ 2 อาทิตย์ สุดท้ายขอครูเรียนเกือบทุกวัน ณ ตอนนั้นไม่สนแล้วต้องจ่ายเท่าไหร่ไม่รุ้ รุ้แต่ว่าฉันต้องได้ใบขับขี่ 5555 😁😅ก็เลยแพงกว่าคนที่เค้า Umschreibung ทั่วไป
ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงจนตอนสุดท้าย ยังเรื่องราวเยอะแยะที่อยากจะเขียนให้อ่านกัน จากประสบการณ์ของตัวเองในการมาใช้ชีวิตที่เยอรมัน อีกหลายๆเรื่อง ที่จะทยอยมาเขียนใน Blog นี้ให้อ่านกันนะคะ บอกเลยมีทุกรสชาติจริงๆค่ะ
ประสบการณ์ทำใบขับขี่เยอรมัน ตอนที่ 1 จุดเริ่มต้นของการอยากทำใบขับขี่
ตอนที่ 2 หาโรงเรียน อ่านหนังสือ สอบ Theorieprüfung
ตอนที่ 3 เรียนขับรถ ทำไมยากอย่างนี้ !!
เทคนิคการอ่านหนังสือเพื่อสอบ Theorie