Montreux

เที่ยว 3 เมือง Vevey, Montreux และ ปราสาท Chillon

Europa เที่ยวนอกเยอรมัน

วันนี้เราจะปั่นจักรยานไปเที่ยวกันค่ะเราจะเที่ยวกัน 3 เมืองเลยคือเมือง Vevey, Montreux และ Schloss Chillon ซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ไม่ไกลกันมากเท่าไหร่ เป็นเมืองสวยริมทะเลสาบเจนีวาที่น่าสนใจทั้ง 3 เมืองเลยค่ะ บอกเลยว่าไม่ควรพลาด

เนื่องจากเราพักอยู่ที่เมืองโลซานซึ่งถือว่าไม่ไกลจาก 3 เมืองนี้เลยค่ะส่วนถ้าใครยังไม่ได้อ่านรีวิวเกี่ยวกับที่พักก็สามารถเข้าไปอ่านได้ในลิงค์นี้เลยค่ะ ซึ่งเป็นที่พักของเราในทริป Road Trip แบบขับรถเที่ยวเองที่สวิตเซอร์แลนด์ทั้ง 14 วันของเราสองคนค่ะ

 ลิงค์รีวิวที่พัก  รีวิวห้องพัก Airbnb 4 ที่ 4 สไตล์ ที่สวิตเซอร์แลนด์

ที่จริงแล้วก็อยากจะขับรถไปเอง แต่ทีนี้สามีมีความคิดว่า เออไหนๆเราก็เอาจักรยานมาด้วยแล้ว ลองปั่นจักรยานเที่ยวกันไหม ซึ่งดูไปแล้วเราน่าจะปั่นกันได้ เพราะว่าไปและกลับ จะประมาณ 54 กิโลเมตรจักรยานของเราก็เป็น e-bike ด้วยถึงแม้ว่าอาจจะเล็กหน่อย แต่คิดว่าแบตเตอรี่คงพอสำหรับการปั่นไปกลับแน่นอน

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็คิดว่า ถ้าเหนื่อย เราก็สามารถพักตลอดทาง โดยจะเตรียมอาหารและน้ำดื่มไปด้วย ซึ่งคิดว่าน่าจะใช้เวลาเดินทางเที่ยวในวันนี้ทั้งวัน ส่วนถ้าใครไม่อยากปั่นจักรยานจะขับรถส่วนตัวหรือว่าจะนั่งรถบัสรถสาธารณะอื่นๆก็ได้นะ

นี่คือเส้นทางที่เราจะปั่นจักรยานเที่ยวกันวันนี้ค่ะ โดยเริ่มจากเมือง Lausanne ที่เราพัก ไปเมือง Vevey จากนั้นก็ต่อไปเมือง Montreux และที่สุดท้ายคือปราสาท Chillon ค่ะ

เช้าวันต่อมาเราเตรียมจักรยานเราออกเดินทางประมาณ 10:00 น ก็ถือว่าไม่เช้ามาก เดินทางออกจากที่พัก ปั่นไปเส้นทางเลข 9 เพื่อที่จะไปเมืองแรกก่อนคือเมือง Vevey จะมีระยะทางจาก Laussanne เกือบ 18 กิโลเมตรด้วยกัน (น่าจะเป็นเส้นที่ยาวสุดในสามเมืองที่เราจะปั่นกันในวันนี้ ) จากนั้นก็จะปั่นต่อจากเมือง Vevey ไปเมือง Montreux ค่ะ ระยะทาง 7,2 กิโลเมตร สุดท้ายจาก Montreux ไป Schloss Schillon ประมาณ 2.7 กิโลเมตรค่ะ

ซึ่งเส้นที่เราปั่นคือถนนหมายเลข 9 นี้จะผ่านเมืองอื่นๆอีกหลายเมือง เช่นเมือง Bourg-en-Lavaux โดยเราปั่นเรียบถนนที่เป็นแนวทะเลสาบไปเรื่อยๆ  เราสองคนจอดตลอดทางที่มีวิวสวยๆ และถือโอกาสแวะพัก ถ่ายรูปกันอย่างที่บอกว่าเราสองคนไม่รีบ ปั่นไปเรื่อยๆ ชื่นชมกับเมืองความสวยงามของเมืองต่างๆด้วยค่ะ

เมือง Vevey

เราใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆเลยจนถึงเมือง Vevey ค่ะ  (ถ้าไม่หยุดพักบ่อยๆคงถึงเร็วกว่านี้) เมือง Vevey หรืออ่านว่าเวเวย์นี้ เป็นเมืองติดกับทะเลสาบเจนีวา มีพิพิธภัณฑ์อาหาร Alimentarium ตั้งอยู่บนทางเดินเล่นซึ่งมีการจัดแสดงวัตถุทำอาหารและจัดเวิร์กช็อป ที่เรารู้จักกันก็คือ เป็นเมืองที่มีส้อมขนาดยักษ์ยื่นออกมาจากทะเลสาบหน้าพิพิธภัณฑ์นั่นเอง นอกจากนั้นใกล้กับส้อมขนาดยักษ์ก็มีมีรูปปั้นของ Charlie Chaplin ซึ่งอาศัยอยู่ชั่วคราวใน Vevey พิพิธภัณฑ์ Chaplin’s World Museum ตั้งอยู่บนที่ดินเดิมในชนบทของเขา Musée Jenisch ด้วยค่ะ

พอเรามาถึงสิ่งที่เราทำอันดับแรกคือการไปถ่ายรูปกับซ่อมยักษ์ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เล่นของที่นี่  เดินเล่นถ่ายรูปรอบๆกันค่ะ

รูปปั้นของ Charlie Chaplin

เราสองคนนั่งพักกันได้สักพักใหญ่ๆ ก็เดินทางต่อ เมืองต่อไปที่เราจะปั่นจักรยานไปต่อ คือเมือง Montreux ซึ่งอยู่ห่างจากเมือง Vevey นี้ประมาณ 7 กิโลเมตรกว่าระยะทางที่เราปั่น สวยมากๆ โดยยังใช้เส้นทางหมายเลข 9 เหมือนเดิม เป็นเส้นทางที่สวยตลอด ไร่องุ่นสลับกับบ้านสวยๆริมทะเลสาบเจนีวา ปั่นกันกันเพลินเลย อดที่จะหยุดถ่ายรูปไม่ได้เลยค่ะ

เราปั่นไปเรื่อยๆเหมือนเดิมช่วงนี้อากาศเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ โชคดีที่เรามีน้ำและอาหารติดมาด้วยรอหยุดเพื่อดื่มน้ำกันเป็นพักพัก และทุกครั้งที่รู้สึกว่าอยากพัก ใช้เวลาครึ่งชั่วโมง ก็ถึงเมือง Montreux ค่ะ

เส้นที่เราปั่นจากเมือง Vevey ไปเมือง Montreux ค่ะ ระยะทาง 7,2 กิโลเมตร
ที่นี่ไม่มีเลนน์จักรยานต่างหาก ทำให้การปั่นจักรยานที่นี่เราต้องใช้ถนนใหญ่เกือบตลอดเส้นทางค่ะ

เมือง Montreux

เมือง Montreux อ่านว่ามองเทรอซ์ เป็นเมืองสปาแบบดั้งเดิม ที่ตั้งอยู่ระหว่างเนินเขาสูงชันริมชายฝั่งทะเลสาบเจนีวา เมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องสภาพอากาศและบรรยากาศที่ดีมาก มักจะมีเทศกาลดนตรีแจ๊ส Montreux ในเดือนกรกฎาคม แถมยังมีอาคารอันงดงามจากเบลล์เอปอกตั้งตระหง่านอยู่ริมทางเดินริมน้ำ ซึ่งเรียงรายไปด้วยดอกไม้ ประติมากรรม และต้นไม้เมดิเตอร์เรเนียน

มาถึงเมืองมองเทรอซ์แล้วค่ะ

ท่าเรือเมืองมองเทรอซ์

ปติมากรรมริมน้ำ

ตรงจุดนี้คนจะเยอะหน่อย เพราะเป็นอนุสาวรีย์นักร้องดังที่ชื่อ Freddie Mercury ค่ะ

เมืองมองเทรอซ์

เมืองมองเทรอซ์ นี้เราชอบเป็นพิเศษ เพราะเราว่าสวย มีสีสัน มีดอกไม้ประดับประดาตามริมทะเลสาบ สวยงามมากๆ นอกจากดอกไม้แล้วยังมีประติมากรรมตามถนนทางเดินซึ่งดูเข้ากันมากๆเลย คือเดินเพลินมากๆเลยค่ะ นอกจากนั้นมีท่าเรืออยู่ใกล้ๆด้วย ทำให้มีคนคึกคักมากตรงถนนริมทะเลสาบ โรงแรม ร้านอาหารก็มีเยอะแยะมากมาย

จากเมือง Montreux ไป Schloss Chillon ค่ะ ระยะทาง 2,7 กิโลเมตร

เราใช้เวลาที่เมืองมองเทรอซ์นี้สักพักใหญ่เลยค่ะ ก่อนที่จะปั่นจักรยานไปต่อที่เมืองปราสาท Chillon ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเมืองมองเทรอซ์เท่าไหร่ค่ะ

Schloss Chillon

ด้านหน้าของปราสาทมีร้านอาหาร Café Byron ด้วยค่ะ

ปราสาท Chillon เป็นปราสาทยุคกลางที่มีคูน้ำในเขต Vaud ของสวิสเซอร์แลนด์ โครงสร้างขนาดใหญ่ที่มีหลายส่วนนี้ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวาในเขตเทศบาลเมือง Veytaux ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองมองเทรอซ์ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ 2,7 กิโลเมตร ปั่นมาถึงเราก็เดินดูรอบๆถ่ายรูปแต่เราไม่ได้เข้าไปข้างในนะคะ

เวลาเปิดปิด

มกราคม-มีนาคม: วันอังคารถึงวันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์), 10.00 – 17.00 น. (เข้าชมรอบสุดท้ายเวลา 16.00 น.)

เมษายน-ธันวาคม: วันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 10.00 – 18.00 น. (เข้าชมรอบสุดท้าย 17.00 น.)

ราคาเข้า

ผู้ใหญ่ราคา 15.50 ฟรังค์ต่อคน

เด็ก (6-15) ราคา 7 ฟรังค์ ต่อคน

ผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 60 ราคา 11.50 ฟรังค์ ต่อคน (ราคาในเดือนกรกฏาคม พ.ศ. 2021 นะคะ) และ คนที่มีบัตร Swiss Travel Pass เข้าฟรี หรือใครไม่มีก็สามารถซื้อบัตรออนไลน์หรือรอไปซื้อที่หน้าประสาทก็ได้ค่ะ

อัปเดตข้อมูลได้จาก https://www.chillon.ch/en/

ที่อยู่ของปราสาท de Chillon 21, 1820 Veytaux, Schweiz

การปั่นจักรยานที่นี่ถือว่าไม่ยากแล้วก็ไม่ง่ายที่บอกว่าไม่ยากเพราะว่าเขามีเลนจักรยานพูดถึงว่าอยู่ในระดับที่ดี แต่ก็อาจมีบางเส้นที่เราต้องปั่นจักรยานบนเส้นทางหลัก แต่ก็ไม่มีปัญหาค่ะ

ถ้าไม่ใช่ E Bike ก็อาจจะเหนื่อยหน่อยเพราะถนนบางเส้นก็ชันเหมือนกัน และยิ่งการปั่นช่วงบ่ายในหน้าร้อนด้วยแล้วคือร้อนมาก น้ำคือสำคัญมากที่ต้องพกมาด้วย โชคดีอย่างคือที่สวิตเซอร์แลนด์เขามีน้ำพุที่สะอาดและดึงได้ แถมยังฟรี น้ำหมดเราก็สามารถกรอกน้ำดื่มได้ตลอดค่ะ 

ตอนกลับคือแดดร้อนมากๆเลย พวกเราต้องหยุดพักเพื่อดื่มน้ำตลอดค่ะ
วิวระหว่างทาง

แต่ที่เห็นข้างทางตลอดคือนักปั่นจักรยานอาชีพ ที่นิยมปั่นทางไกลเยอะตลอดทางค่ะมีให้เห็นเรื่อยๆ ทุกคนมองเราสองคนด้วยสายตาเอ็นดูที่เห็นเรา 2 คนปั่นจักรยานคันเล็กข้ามเมืองกันขนาดนี้ ฮ่าๆๆ

ตกลงวันนี้เราปั่นทั้งหมดเกือบ 54 กิโลกรัมไปกลับ ตอนกลับเราพยายามที่จะไม่แวะที่ไหน เพราะเริ่มเหนื่อย และในช่วงบ่ายแดดร้อนมากๆ อยากไปให้ถึงที่พักไวๆมากกว่า เพราะเริ่มล้าแล้ว ความรู้สึกการปั่นช่วงไป ช่างต่างกับช่วงปั่นกลับนี้จริงๆ ฮ่าๆๆ

วันนี้ถึงเที่ยวแบบเหนื่อยหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นวันที่ดีอีกวันหนึ่ง ทั้งได้เที่ยวทั้งได้ออกกำลังกายไปในตัว และคุ้มค่ากับสิ่งที่เห็นวิวข้างทางที่สวยเกินบรรยาย ถ้ามาคราวหน้าอยากเอาจักรยาน E-Bike ที่เป็นคันใหญ่ของเรามาด้วยดีกว่า คงจะปั่นสนุกและเร็วกว่านี้ค่ะ พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวไหนกันต่อ ก็รอติดตามกันนะคะ


สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆ