ทะเลสาบ Blausee เป็นทะเลสาบชื่อดังอีกแห่ง ที่ควรแวะที่สุดเมื่อมาเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ เพราะมีความสวยที่น่าทึ่ง น้ำสีฟ้าใสดั่งมรกต และยังมีประวัติที่น่าสนใจมากทีเดียว
วันนี้เราต้อง Check Out แล้วก็เดินทางต่อเพื่อที่จะไปเช็คอินที่เมืองต่อไปคือเมือง Interlaken ต่อ แต่เนื่องจากเวลาเช็คอินคือช่วงบ่าย 16:00 น ทำให้เรามีเวลาในระหว่างทางอยู่หลายชั่วโมงเลย ระหว่างทางเราสองคนเลยตัดสินใจที่จะแวะเที่ยวทะเลสาบ Blausee กันก่อนเพราะก็อยู่ไม่ไกลจากตรงเมือง Kandersteg นี้เท่าไหร่ค่ะ
โพสที่ผ่านมา
เราขับรถจาก Kandersteg มาไม่ไกลเลยน่าจะประมาณ 10 -15 นาทีก็ถึง Blausee แล้ว ข้างหน้ามีที่จอดรถกว้างขวาง ค่าที่จอดรถ ราคา 1.50 ฟรังก์ต่อชั่งโมงค่ะ
ถ้าใครพักที่ Kandersteg เหมือนเราแต่ไม่ได้ขับรถมาเอง ก็นั่งรถบัสโดยสารมาก็ได้นะคะ ไม่ไกล นั่งสาย B230 นั่งมาแค่ 16 นาที
ค่าเข้า
จันทร์ – ศุกร์ 9.00 – 16.00 น. ผู้ใหญ่ CHF 8.00 เด็ก 6 ถึง 15 ปี CHF 5.00
เสาร์ – อาทิตย์ & วันหยุด ผู้ใหญ่ CHF 10.00 เด็ก 6 ถึง 15 ปี CHF 5.00 CHF 6.00
เด็กอายุไม่เกิน 5 ปี ฟรี
****ราคาเสาร์อาทิตย์อาจจะแพงกว่าในราคาปกตินิดหน่อยนะคะ
ดูราคาที่อัปเดตที่ www.blausee.ch
พอเราได้ตั๋วแล้วเราก็ต้องเดินเข้าไปอีกหน่อยนะ ซึ่งจะเป็นป่าตลอดทาง ร่มรื่นดีมากค่ะ แต่เนื่องจากตอนที่เราไปนี้อากาศไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ฟ้าไม่เปิดเลย กลัวว่าฝนจะตกเหมือนกันนะ เราเดินไปประมาณ 10 นาทีก็ถึง พอไปถึงปุ๊บก็จะเห็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ อยู่ตรงติดทะเลสาบเลยทะเลสาบสีสวยมาก ขนาดว่าาวันที่เราไปแดดไม่ออกนะ แต่ความสวยก็ไม่ลดลงเลย
น้ำทะเลสาบสีมรกต ตัดกับต้นไม้สีเขียวได้อย่างลงตัว น้ำใสมากมองเห็นปลาว่ายน้ำไปมา เราตัดสินใจที่จะเดินรอบทะเลสาบกันเพราะดูแล้วก็ไม่น่าจะใหญ่มาก เดินไปดูตรงท่าเรือเห็นคนรอขึ้นเรือหลายคนอยู่ แต่ก็ไม่ถึงกับเยอะมากช่วงนี้นักท่องเที่ยวอาจจะไม่เยอะเหมือนช่วงปกติเพราะเป็นช่วงที่ covid ยังระบาดอยู่ ทำให้นักท่องเที่ยวจากเอเชียมาเที่ยวไม่เยอะมาก
ที่จริงบัตรนี้เราสามารถที่จะขึ้นเรือฟรีได้ 1 รอบนะ แต่เราไม่ได้ใช้บริการ เพราะไม่ค่อยมีเวลา และกลัวฝนตกด้วย จากที่เราสังเกตเห็นเรือ ซึ่งเขาจะพายเรือไปช้าๆ รอบๆทะเลสาบกลับมา แล้วก็รับนักท่องเที่ยวรอบต่อไป
ตรงใกล้ๆท่าเรือจะมีโรงแรมซึ่งตั้งเด่นตระหง่านอยู่ติดกับทะเลสาบเลยชื่อโรงแรม Blausee เป็นโรงแรมที่เป็น Spa and wellness Hotel ข้างหน้าโรงแรมที่อยู่เตะก็มีร้านอาหารที่สามารถมองเห็นวิวทะเลสาบ ดูบรรยากาศดีมากเลยค่ะ ถ้าใครอยากจะมาพักผ่อน จริงๆที่นี่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีอีกที่นะคะ
และนอกจากนั้นที่นี่ยังมีฟาร์มเลี้ยงปลาเทราต์อยู่ข้างหลังโรงแรมด้วย เป็นการเลี้ยงปลาแบบออร์แกนิค คือแบบธรรมชาตินั่นเองค่ะ เพราะฉะนั้น ทำให้เราแน่ใจได้เลยว่าปลาที่เราทานนั้น เป็นปลาที่สุขภาพดีและปลอดภัยจริงๆ เรื่องของรสชาติคงไม่ต้องพูดถึง คงสดและอร่อยมาก เสียดายที่เรามีเวลาไม่พอที่จะนั่งทานอาหารกลางวันที่นี่ ได้แต่เดินแวะดูบรรยากาศรอบๆแค่นี้เองค่ะ ถ้ามีโอกาสมาอีก คราวหน้าคงได้ใช้บริการแน่นอน
ทางเดินอาจจะแฉะนิดนึงเพราะเมื่อคืนฝนตกค่ะ
ที่มาและตำนานอันแสนเศร้าของทะเลสาบ
ทะเลสาบแห่งนี้ มีเรื่องตำนานเกี่ยวกับทะเลสาบด้วยนะคะ แต่อาจจะเศร้าหน่อยนะ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ต้องเสียคนรักไป เพราะว่าชายคนรักของเธอ ได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน ด้วยความรักอย่างลึกซึ้ง หญิงสาวจึงกลับมานั่งร้องไห้อยู่ที่นี่ทุกคืน จนตรอมใจตายในที่สุด และน้ำตาของเธอก็ได้หลอมรวมกันจนกลายเป็นทะเลสาบสีฟ้ามรกตนั่นเองค่ะ เศร้าจังเนาะ 🙁
เราจะเห็นรูปปั้นของหญิงสาวผู้หนึ่งจมอยู่ใต้น้ำ ก็เพราะในปี 1998 ได้มีศิลปินและนักประติมากรรมผู้หนึ่งได้แรงบันดาลใจจากตำนานเรื่องนี้ ได้สร้างรูปปั้นหญิงสาวและนำมันลงไปไว้ใต้น้ำ เพื่อรำลึกถึงหญิงสาวที่น่าสงสารคนนี้นั่นเอง
รอบๆทะเลสาบ จะมีเส้นทางเดิน มีจุดปิกนิก และจุดกองไฟ มีห้องน้ำให้เข้าฟรี ด้วย พวกเราเดินจนรอบแล้ว ก็เลยพากันนั่งพัก เพื่อที่จะทานอาหารว่างที่เราเอามาด้วย เพราะเห็นว่ามีจุดนั่งพักอยู่ เราใช้เวลาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เข้ามาในทะเลสาบก็ประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าก็พากันกลับค่ะ
ก่อนกลับพากันแวะไปดูที่เขาเลี้ยงปลาที่อยู่ด้านหลังโรงแรมกันก่อน จากนั้นก็กลับไปที่จอดรถเพื่อเดินทางต่อ
พากันเดินดู ฟาร์มเลี้ยงปลาเทราต์ที่อยู่ข้างหลังโรงแรม
ระหว่างที่เราเดินกลับที่จอดรถนั้นฝนก็ตกลงมาอย่างหนัก เราสองคนได้แต่พูดว่าเออโชคดีมากๆ ที่เราเที่ยวกันเสร็จพอดีเลยค่ะ
เดินทางต่อเมือง Interlaken
จากทะเลสาบ Blausee ไปที่มือ Interlaken ระยะทางประมาณ 38 กิโลเมตร จะใช้เวลาขับรถไปประมาณครึ่งชั่วโมงค่ะระหว่างทางฝนตกตลอดเวลา ทำให้เราไม่อยากขับรถเร็ว จากที่ต้องใช้เวลาขับแค่ครึ่งชั่วโมงก็ใช้เวลาไปเกือบ 40 นาทีเลยค่ะ โชคดีที่เรายังมีเวลา
เราไปถึงช่วงเวลาที่ต้องเช็คอินพอดี เกือบ 16:00 น พอดี โชคดีมากที่ฝนหยุดตกแล้ว จะว่าไปการเข้าพักของเราคือไม่ต้องเช็คอินเหมือนโรงแรมนะ เพราะเป็นบ้านพักแบบ Airbnb แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ไม่กล้าที่จะมาก่อนเวลา เพราะเราก็ไม่รู้ว่า เจ้าของบ้านจะเอากุญแจไว้ให้เราก่อนหรือไม่นั่นเอง
และอีกอย่างเราก็ไม่รู้ว่าบ้านที่เราจะไปพักนี้เคยมีมีคนพักมาก่อนหน้าเราไหม เพราะถ้ามีคนพักก่อนหน้าที่เราจะมา ก็แปลว่าเจ้าของบ้าน ก็ต้องการเวลาที่จะทำความสะอาดที่พัก เพื่อที่จะต้อนรับแขกคนต่อไป คือพวกเรานั่นเองค่ะ นั่นแหละคือเหตุผลที่เราไม่เข้ามาก่อนเวลาที่ควรเช็คอินค่ะ
พอมาถึงเจ้าของบ้านก็เอากุญแจไว้ ตรงจุดที่เขาได้เขียนบอกเราไว้ในข้อความ ที่เราได้ติดต่อกัน เมื่อตอนจองห้องพัก พอได้กุญแจแล้วเราก็เข้าไปในห้องได้เลยค่ะ ที่พักที่นี่สะดวกสบายเพราะเป็นห้องชุดส่วนตัว ครัวอุปกรณ์ครบครัน แต่อาจจะไกลจากในเมือง Interlaken หน่อย แต่เรารู้กันอยู่แล้ว นั่นคืออีกหนึ่งในเหตุผลที่เราพักที่นี่ เพราะเราต้องการที่จะปั่นจักรยานเข้าไปนั่งเองค่ะ
เราได้เขียนรีวิวห้องพักของทริปนี้ทั้งหมดไว้แล้ว สามารถเข้าไปอ่านได้ในลิงค์นี่เลยค่ะ รีวิวห้องพัก Airbnb 4 ที่ 4 สไตล์ ที่สวิตเซอร์แลนด์
ช่วงบ่ายฝนเริ่มหยุดตกแล้ว เรายังพอมีเวลาเลยคิดว่าจะพากันปั่นจักรยานเข้าไปในเมือง Interlaken กันดู เพื่อสำรวจไปและหาข้อมูลมาๆสำหรับการเดินทางเที่ยวในวันพรุ่งนี้กันค่ะ แล้วในวันถัดๆไป เพราะจะพักที่นี่ 5 วันเลยทีเดียว แล้วเราสองคนจะไปเที่ยวไหนกันต่อ ก็รอติดตามกันนะคะ 🙂