RFID Skimming

RFID Skimming คืออะไร? แล้วเราจะกันไม่ให้โดนดูดข้อมูลบัตรได้ยังไง

ความรู้ทั่วไป ท่องเที่ยว

แล้วเราจะป้องกันยังไงดี? นี่คือวิธีง่าย ๆ ที่เราลองทำเองแล้วอยากแชร์ค่ะ

RFID Skimming คืออะไร?

RFID Skimming หรือการดูดข้อมูลบัตร RFID คือ การโจรกรรมข้อมูลบัตรแบบไร้สาย โดยที่มิจฉาชีพใช้เครื่องสแกน (RFID Reader/Skimmer) เพื่ออ่านและขโมยข้อมูลที่ฝังอยู่ในชิป RFID (Radio Frequency Identification) ของบัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือบัตรประชาชนแบบไร้สัมผัส (Contactless Card) ของคุณ โดยที่ไม่ต้องสัมผัสตัวบัตรหรือกระเป๋าสตางค์เลย

เทคโนโลยี RFID ทำให้คุณสามารถแตะบัตรเพื่อจ่ายเงินได้ แต่ช่องทางที่สะดวกนี้ก็เปิดโอกาสให้มิจฉาชีพใช้คลื่นวิทยุในการดักจับข้อมูลบัตรได้จากระยะใกล้ ๆ (บางกรณีอาจถึงหลายฟุต แม้ว่าบัตรสมัยใหม่ที่มีการเข้ารหัสจะถูกขโมยข้อมูลได้ยากขึ้นก็ตาม)

RFID Skimming

วิธีป้องกันไม่ให้โดนดูดข้อมูลบัตร (RFID Skimming)

แม้ว่าบัตรที่มีการเข้ารหัสจะทำให้การโจรกรรมข้อมูลบัตรด้วยวิธีนี้ทำได้ยากขึ้นมากเมื่อเทียบกับการสแกนบัตรแบบเก่า แต่ก็ยังมีวิธีง่าย ๆ ที่คุณสามารถทำเพื่อเพิ่มความปลอดภัยได้

1. ใช้กระเป๋าสตางค์ที่ป้องกัน RFID (RFID-Blocking Wallet/Sleeve)

กระเป๋าหรือซองใส่บัตรเหล่านี้จะมีวัสดุพิเศษ (เช่น วัสดุโลหะหรือฟอยล์) ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนเกราะป้องกัน (Faraday Cage) ปิดกั้นคลื่นวิทยุ ไม่ให้เครื่องสแกนของมิจฉาชีพสามารถอ่านข้อมูลจากบัตรของคุณได้

2. พกบัตรที่จำเป็นเท่านั้น

ลดจำนวนบัตรที่มีชิป RFID ที่คุณต้องพกติดตัว เพื่อลดความเสี่ยงในการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่จำเป็น

3. ระวังตัวในพื้นที่แออัด

ในพื้นที่ที่มีคนเยอะ เช่น สนามบิน รถโดยสารสาธารณะ หรือแหล่งช้อปปิ้ง ให้ระมัดระวังเป็นพิเศษและหลีกเลี่ยงการเก็บบัตรไว้ในกระเป๋าเสื้อผ้าด้านนอกที่เข้าถึงได้ง่าย

4. ตรวจสอบรายการเดินบัญชีอย่างสม่ำเสมอ

หมั่นเช็คยอดเงินและรายการทำธุรกรรมในบัญชีธนาคารของคุณผ่านแอปพลิเคชันหรือใบแจ้งยอด เพื่อให้สามารถแจ้งธนาคารได้ทันทีหากพบธุรกรรมที่น่าสงสัยหรือไม่ได้รับอนุญาต

5. พิจารณาใช้การชำระเงินผ่านมือถือ (Mobile Payment)

แอปพลิเคชันการชำระเงินมือถือ เช่น Apple Pay, Google Pay มักจะใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสแบบ Tokenization (สร้างรหัสใช้งานครั้งเดียว) ซึ่งมีความปลอดภัยสูงกว่าการใช้บัตรจริงในการชำระเงินแบบไร้สัมผัสค่ะ

การป้องกันข้อมูลที่ดีที่สุดคือการผสมผสานระหว่างการใช้อุปกรณ์ป้องกันและพฤติกรรมที่ระมัดระวังในการใช้ชีวิตประจำวัน “เทคโนโลยีมันทำให้ชีวิตง่ายขึ้นก็จริง แต่เราก็ต้องรู้เท่าทันด้วยค่ะ ” ว่าแล้วก็ลองเช็กกระเป๋าตังค์วันนี้เลยว่ามีซองกัน RFID รึยังด้วยนะคะ