führerschein

ใบขับขี่เยอรมัน สอบยังไงให้ผ่าน? (Klass B)

Blog & Review ความรู้ทั่วไป

วันนี้เรามีเคล็ดลับมาบอกในการทำใบขับขี่เยอรมัน อย่างที่ทุกๆคนรู้ว่า การทำใบขับขี่ขึ้นชื่อมาก ทั้งการสอบเทอโอรีที่ยาก และหิน และการสอบขับในภาคปฎิบัติ ที่ต้องเป๊ะทุกอย่าง และสุดท้ายค่าธรรมเนียม และค่าสอบต่างๆ ก็แสนแพง หลากหลายขั้นตอนถึงจะได้ใบขับขี่มาครอง แล้วทำไมพวกเราถึงเรียกว่า “ใบขับขี่ทองคำ” ค่ะ

…ว่าแล้ว วันนี้ก็เลยอยากเอาเทคนิคจากประสบการณ์ที่ได้ทำทุกอย่าง ทั้งสอบภาคทฤษฎี (เทอโอรี ) และ ปฎิบัติ (สอบขับ) ทำอย่างไรให้สอบผ่านทุกอย่างในรอบเดียวค่ะ

Theorie (เทอโอรี)


การสอบเทอโอรี มีเวลาสอบ 45 นาที ข้อสอบจะมีทั้งหมด 30 ข้อ ( แยกเป็น 20 Grundstoff- und 10 Zusatzfragen ) สามารถผิดได้สูงสุดห้ามเกิน 10 คะแนนค่ะ แต่ละข้อจะมีคะแนนไม่เท่ากันนะค่ะ ( และมีข้อแม้ว่า ต้องไม่เป็นข้อที่มี 5 คะแนน ทั้ง 2 ข้อนะค่ะ เพราะไม่งั้นก็จะโดนปรับให้ตกเหมือนกันค่ะ ) ต่อไปคือวิธีการอ่านให้ได้ผลและเป็นประสบการณ์ที่พี่ทำแล้วสอบผ่านได้จริง สิ่งที่ควรทำอันดับแรกเลย คือ

1. พยายามเรียนรู้เรื่องศัพท์ห้มากที่สุด

พยายามเรียนรู้เรื่องศัพท์ให้มากที่สุดค่ะ (สำหรับคนที่เลือกสอบเป็นภาษาเยอรมันนะคะ) เพราะเวลาอ่านมันจะมีศัพท์ใหม่มาเรื่อยๆ ถ้าเราไม่รู้เรื่องศัพท์จะทำให้การอ่านของเราสะดุดได้ค่ะ แต่อย่างที่บอกพี่ก็ไม่ได้เก่งเยอรมัน แต่ก็พยายามสอบภาคภาษาเยอรมัน เพราะเราจะได้เรียนรู้ศัพท์ไปด้วย และคิดว่ามันจะมีประโยชน์กับเราเองในตอนเรียนขับรถ เวลาครูถามหรือบอกอะไร เราจะได้รู้มั่งว่าเค้าพูดถึงอะไร และพออ่านไปซักพักแล้ว จะเริมชิน ซึมซับโดยอัตโนมัติ เพราะบางคำศัพท์มันจะวนๆมาเหมือนเดิมค่ะ หรือความหมายและรากศัพท์จะคล้ายๆกันค่ะ

2. อ่านและเรียนรู้เรื่องป้ายจราจรต่างๆ ให้เข้าใจก่อน

ถ้าคุณไม่เข้าใจป้ายนี่แย่เลยนะ เพราะมันจะเป็นผลทั้งตอนเรียนขับด้วย ถ้าเราขับรถแล้วไม่รู้ว่าป้ายนี้คืออะไร หรือไม่แน่ใจ เงอะง่ะๆนี่เค้าให้เราสอบตกเลยนะคะ เพราะผู้คุมสอบเค้าจะมองเราตลอดในตอนสอบขับดังนั้นเวลาอ่านสอบเทอโอรี่ เราควรเรียนรู้เรื่องป้ายต่างๆให้ดีไปเลย นอกจากจะทำข้อสอบเทอโอรีผ่านแล้ว พอเรียนขับถ้าเราก็สบายขึ้นค่ะ ขอบอกเลยว่าข้อนี้คือสิ่งสำคัญมากๆเหมือนกันค่ะ

3. อ่านจากง่ายไปหายาก

หลายคนอาจจะคิดว่าไม่สำคัญ แต่นี่คืออีกอย่างหนึ่งที่จะทำให้การอ่านมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะถ้าอ่านจากยากก่อน แล้วเราไม่เข้าใจ ตอบผิดเยอะ ศัพท์ก็ยาก จะทำให้รู้สึกว่าไม่อยากอ่าน เครียด ไม่สนุก และไม่มีกำลังใจในการอ่านต่อเลย ท้อไปอีก แต่ถ้าเราอ่านจากง่ายไปหายาก เช่นเรื่องป้าย หรือวีดีโอ (เพราะเรื่องป้ายและวีดีโอจะง่ายสุดค่ะ) พอเราอ่านเข้าใจหมดแล้ว เราก็จะมีกำลังใจในการทำข้อที่ยากขึ้นไปเรื่อยๆค่ะ

4 .ทำความเข้าใจไปด้วย ไม่ใช่ท่องอย่างเดียว

เนื่องจากข้อสอบเยอะ ปี 2019 น่าจะประมาณ 1,124 ข้อแล้ว แยกเป็น Anzahl Fragen Grundstoff Klasse B: 616 ข้อ และ Anzahl Fragen Zusatzstoff Klasse B: 496 ข้อ และดูท่าจะปรับปรุงและเยอะขึ้นทุกๆปี เพราะฉะนั้นการอ่านแบบท่องเอามันจะทำให้เสียเวลามากกว่าที่จะ อ่านแล้วทำความเข้าใจทั้งกับคำถามและคำตอบค่ะ และประโยชน์ของการ อ่านด้วยความเข้าใจ มันจะมีผลตอนที่เราเรียนขับ และขับในชีวิตจริงด้วย ( ถ้าจะจำควรรอจำช่วงที่เป็นคำถามยากๆดีกว่านะ )

5. ข้อไหนที่อ่านแล้วทำผิดซ้ำๆ บ่อยๆ ให้จดใส่สมุดในทันที

แล้ว หาคำตอบว่าทำไมเราถึงผิดบ่อยข้อนี้ แล้วทำความเข้าใจกับมัน จนกว่าไม่ผิดเลย! เพราะอะไรรู้ไหม ข้อสอบก็ตั้งพันกว่าข้อ และจะออกข้อไหนไม่รู้ แถมผิดได้ไม่เกิน 10 คะแนนเอง เพราะฉะนั้นถ้าข้อที่เราผิดบ่อยดันออกในข้อสอบละ แค่เราผิดแค่ 2 ข้อก็สามารถทำให้เราตกได้แล้วค่ะ เพราะฉะนั้นต้องระวังมากๆ อีกวิธีก็คือ บางข้อ การวาดรูปก็อาจจะทำให้เราเข้าใจมากยิ่งขึ้น บางข้อยากมาก เนื่องจากพี่สอบของภาษาเยอรมันด้วย เลยต้องให้แฟนอธิบาย และวาดรูปให้ดู ปรากฎว่าเราเข้าใจมากขึ้น และนึกภาพออกทันทีเลยค่ะ โดยเฉพาะช่วงที่เป็นบทยากๆนี้งงหนักมาก การวาดรูปและการจดบันทึกช่วยได้เยอะจริงๆ

6. ข้อไหนที่มี 5 คะแนน ต้องมั่นใจว่าเราต้องทำ “ไม่ผิด” ซักข้อ !!

เพราะอะไรรู้ใหมค่ะ เพราะว่า ถ้าคุณผิดข้อที่มีคะแนนเยอะ คือ 5 คะแนนเนี่ย คุณผิดแค่ 2 ข้อ คุณก็ตกแล้วค่ะ แต่ถ้าผิดข้อที่คะแนนน้อยกว่านั้น ถึงแม้ว่าคุณผิดถึง 10 คะแนน คุณก็ยังผ่านอยู่ เพราะเค้าถือว่าข้อที่มี 5 คะแนน คือเป็นข้อสำคัญมากๆในการขับรถบนถนน (เช่นบทที่เป็น กฎขวาก่อนซ้าย (recht vor links) ข้อพวกนี้จะมี 5 คะแนนค่ะ

7.หาช่วงเวลาอ่านในช่วงเช้า หรือช่วงที่เราชอบอ่าน

ไม่รู้คนอื่นๆชอบอ่านหนังสือกันตอนไหนนะ แต่พี่จะชอบจะชอบอ่านตอนเช้ามาก เพราะพี่คิดว่า ตอนเช้าๆเนี่ย สมองของเรายังโล่งอยู่ เราสามารถรับสิ่งใหม่ๆได้เยอะกว่า จดจำได้เยอะ แต่ถ้าบ่ายสมองของเราจะล้าละ ทำให้การอ่านไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าไหร่ อันนี้คือจากประสบการณ์ของพี่โดยตรงนะคะ

8. กลับมาอ่านทบทวนก่อนจนจำได้ทั้งหมด ก่อนไปเริ่มบทใหม่

คงไม่ดีแน่ถ้าคุณเริ่มอ่านบทใหม่ ทั้งๆที่บทเก่าคุณยังทำผิดอยู่บ่อยๆ หรือยังทำได้ไม่ดีพอ เพราะบทใหม่มันจะยากขึ้นเรื่อยๆ แล้วคุณก็จะสะสมข้อที่อ่านไม่เคลีย ข้อที่ไม่แน่ใจ แล้วไปเริ่มบทใหม่ มันก็จะสะสมพอกหางหมูไปเรื่อยๆ และที่สำคัญคือควรกลับมาทวนบทหน้าที่อ่านผ่านมาแล้วบ่อยๆด้วยค่ะ ไม่งั้นจะมีปัญหาเป็นแบบได้หน้าลืมหลังแน่นอน ต้องระวังค่ะ

9. ตั้งข้อกำหนดว่าจะอ่านวันละกี่ข้อและต้องทำให้ได้ !

มันคือการบังคับตัวเองทางอ้อมค่ะ แต่ก็ได้ผลนะคะ ไม่งั้นคุณจะผลัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ มันเสียทั้งเวลา อ่านมั่งไม่อ่านมั่ง มันไม่ดีเลย ปล.ถ้ามีรางวัญให้ตัวเอง ก็ดีนะ อย่างที่พี่ทำ พี่จะบอกกับเองว่า อ่านจนจบ 50 ข้อและเข้าใจได้ทั้งหมดทุกข้อนี้แล้ว จะให้รางวัญตัวเองด้วยการ อนุญาตให้เล่นเฟสบุคได้ 15 นาที หรือไม่ก็ทำเป็นเบรคทานขนมได้ 20 นาทีก็ว่าไป เผื่อใครจะเลียนแบบ 🙂

10 ควรอ่านต่อเนื่อง ทุกวัน ห้ามอ่านๆหยุดๆ

เพราะการหยุดอ่าน หรืออ่านไม่ต่อเนื่องมันจะทำให้คุณลืมค่ะ มันจะเสียเวลาด้วย ซึ่งมันไม่เป็นผลดีเลย ทางที่ดี ควรอ่านต่อเนื่องทุกวัน และสม่ำเสมอ หรือถ้าต้องเดินทางไปไหน หรือไปทำงาน ก็จงใช้เวลาเช่นช่วงรอรถ หรือนั่งรถ ให้มีประโยชน์ ด้วยการอ่านในแอปที่โหลดไว้ในมือถือ ขนาดตอนที่พี่ไปพักร้อน พี่ก็ยังอ่านทุกวัน ทั้งตอนนั่งรถ รอขึ้นเครื่องบิน พยายามอ่านทุกที่ที่มีเวลาค่ะ มันจะได้ไม่ลืม และมันก็ได้ผลจริงๆค่ะ


สอบขับ (Praxis prüfung)

การสอบขับ ยอมรับว่าหินสุดละ เพราะเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกินขึ้นท้องถนน แต่อย่างไรก็ตาม ทำใจให้สบาย เตรียมตัวเตรียมใจให้ดี ความสำเร็จก็จะอยู่กับเราค่ะ

การสอบขับจะใช้เวลาประมาณ 45 นาที หรือบางคนโชคดีอาจได้สอบแค่ 30 นาทีก็ได้ แล้วแต่คนคุมสอบนะคะ ครูสอนขับรถเราจะนั่งฝั่งขวาของคนขับ และคนคุมสอบจะนั่งเบาะหลังฝั่งขวาเหมือนกัน เพราะจุดนี้คนคุมจะมองเห็นคนที่สอบขับได้ชัดและดีที่สุดค่ะ

ก่อนสอบขับ

  • เตรียมตัวตอบคำถามก่อนสอบให้ดี
  • คุณต้องจดจำป้ายจราจรให้ได้หมดก่อน เพราะว่าการขับบนถนนกใต้โดยเคร่งครัดสำคัญสำคัญอย่างเช่นป้ายห้ามเข้า ป้ายกำหนดความเร็วต่างๆ
  • พยายามที่จะไม่ตื่นเต้นจนเกินไปเพราะ รู้ว่าทำยาก ตื่นเต้นจะทำให้คุณทำผิดพลาดได้มากกว่าปกติค่ะ
  • นอนหลับให้เพียงพอ
  • ใส่เสื้อผ้าที่สบายๆ ไม่แน่นหรือทำให้เราอึดอัดนะค่ะ
  • เตรียมเอกสารให้พร้อม เช่นพาสปอร์ต หรือเอกสารอื่นๆ
  • และสุดท้ายห้ามไปสายค่ะ ควรไปก่อนเวลาเล็กน้อยจะได้มีเวลาเตรียมตัว

Tips ของพี่คือ ก่อนสอบพี่กินชอคโกแลตไป 1 แท่ง และระหว่างขับ พี่ก็แอบอมลูกอมไปด้วย ซึ่งก็ช่วยลดอาการตื่นเต้นได้อยู่นะ

ข้อควรระวังและการเตรียมตัวระหว่างสอบขับ

1. ถอนหายใจเข้าลึกๆ อย่าคิดว่าเรากำลังสอบ ทำตัวสบายๆ

2. จัดที่นั่ง พวงมาลัย กระจก ให้เหมาะสมกับเราให้เรียบร้อย

3. จำไว้ว่าทุกครั้งที่ออกรถ แล้วทุกๆเลี้ยว ต้อง มองกระจกหลัง กระจกข้าง และมองข้ามไหล่ทุกครั้ง

4. ขับรถตามป้าย ห้ามพลาด เช่นป้ายความเร็ว ป้ายห้ามเข้าต่างๆ

5. ถนนทางเดียว ถ้าเค้าให้เลี้ยวซ้าย จงอย่าลืมชิดซ้าย   

6. ป้ายหยุด คือต้องหยุดนิ่งจริงๆ ถึงแม้ไม่มีรถผ่านไปมาก็ตาม  คือหยุดแบบล้อไม่หมุน (Tips พี่หยุดแล้วนับในใจ 1 ถึง 10 ค่อยออกรถค่ะ )

7. การเบรกฉุกเฉิน ขับด้วยเร็ว 30 Kmh ห้ามรถดับ และที่สำคัญ ก่อนออกรถ อย่าลืม มองกระจกหลัง กระจกข้าง และมองข้ามไหล่นะค่ะ เพราะถ้าลืมทำก็คือตกค่ะ  

8. เวลาขับบนทางด่วน เวลาแซง ต้องดูระยะให้ดีนะค่ะ เพราะคนตกหลายคนจุดนี้ เพราะการกะระยะที่ไม่ถูก คือการเข้าเลนเร็วที่เกินไปนั่นเอง

9. ถ้าคนสอบให้ขับรถกลับ Tüv อย่าพึ่งตื่นเต้นว่าเราสอบผ่านแล้วนะค่ะ เพราะคนตกตรงเยอะมากๆ เพราะความประมาท ตราบใดที่เราขับรถอยู่ ยังอยู่ในช่วงสอบอยู่ค่ะ

10. เมื่อขับรถถึง Tüv แล้วอาจยังมีทดสอบครั้งท้ายคือ การออกจากรถ ก่อนที่เราจะออกจากรถควรดูกระจกหลังและข้างก่อนออกทุกครั้ง เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราใส่ใจกับเพื่อนร่วมถนนนั่นเอง ทีนี้ครูผู้สอบก็จะแสดงความยินดีกับเรา พร้อมยื่นใบขับขี่ให้ นั่นแหละถึงแสดงว่า คุณสอบผ่านเรียบร้อยแล้วค่ะ

สุดท้าย พี่ก็อยากให้ทุกคนสู้ๆนะ ไม่มีใครเก่งมาแต่เกิดหรอก อยากให้คนไทยทุกคนที่ย้ายมาอยู่เยอรมัน ได้พึ่งพาตัวเองได้ ทั้งคนที่มีลูก และคนที่อยู่นอกเมือง เพราะฉะนั้น ใบขับขี่นี้ สำคัญกับการใช้ชีวิตที่นี่จริงๆค่ะ ว่าแล้วพี่ขออวยพรให้ทุกคนสอบผ่าน และได้ใบขับขี่ทองคำนี้มาครอบครองนะคะ 🙂


ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น

อ่านเรื่องน่าสนใจต่อ