หลายคนอาจคิดว่า เราเคยขับรถมาแล้ว ทำไมดูดราม่าจัง แต่บอกไว้ก่อนว่า ที่เมืองไทยเราขับแต่เกียร์ออโต้ แถมขับไม่ค่อยบ่อยด้วยแหละ
คือเฉพาะช่วง 2 เดือนที่พักร้อนเท่านั้น (ตอนนั้นยังทำงานอยุ่ที่สหรัฐอยุ่เนาะ) แถมเราก็ไม่ได้ขับไปไหนไกลๆด้วย ส่วนมากจะขับพาแม่ไปห้าง ไปช้อปปิ้ง หรือ ไปตลาด ไปซื้อของกับแม่ซะมากกว่า ประมาณนั้น…คือเราเป็นประเภท “แค่พอขับได้” และปัญหาอีกอย่างคือที่เยอรมัน คนขับจะนั่งฝั่งซ้ายมือ ไม่ใช่ฝั่งขวาเหมือนที่ไทยด้วย นี่คือสิ่งที่ยากมากสำหรับเรา…
หลังจากที่ทางโรงเรียนให้เบอร์โทรศัพท์ครูมาแล้ว เราก็ติดต่อครูเอง เพราะต้องดูว่าครูเค้ามีเวลาให้เราวันไหน ตอนไหน เนื่องจากครูคนหนึ่งสอนขับให้นักเรียนหลายคนนั่นเอง (เราส่งข้อความไปหาเค้า เพราะถ้าโทรไปกลัวว่าเค้าสอนขับอยุ่จะไม่สะดวกคุย และดูตารางงานได้ )
วันเรียนขับรถวันแรก
ตื่นเต้นมาก ตื่นแต่เช้า ใส่ชุดที่คิดว่าทะมัดทะแมงที่สุดละ โชคดีที่จุดนัดพบ และที่จอดรถของโรงเรียน นั้นอยุ่ไม่ไกลจากที่พักมากนัก เราเดินที่มาถึงที่นัด ก่อน 10 นาที ยืนอยุ่ และมองหาครูสอนขับ ว่าคือคนไหน เพราะไม่รุ้ว่าหน้าแบบไหนเนาะ อายุเท่าไหร่ รุ้จักแต่ชื่อ
เรายืนเงอะงะๆอยุ่แป้บหนึ่ง ก็มีฝรั่งหนุ่ม หน้าตาดีคนหนึ่งเดินมาหา และพูดว่า คุณคือ Frau T. ใช่ไหม ? เราก็ตอบ ใช่ ผมชื่อ Alex นะ (ชื่อสมมุติ) เป็นครูสอนขับรถของคุณ เรามองหน้าครูหนุ่ม แบบตกใจนิดหนึ่ง เพราะคิดเสมอว่า ครูสอนขับต้องมีอายุ และลงพุง อะไรประมาณนี้ปะวะ แต่นี่คือตรงกันข้ามเลย 555
ครูพามาขึ้นรถเพื่อขับไปที่ลานจอดรถที่กว้างๆ แห่งหนึ่ง สำหรับเรียนขั้นต้น ระหว่างขับครูหนุ่มเริ่มบทสนทนา เพื่อให้ความเป็นกันเอง และให้เราไม่เกร็ง ว่าขับรถบ่อยไหม? ขับเร็วสูงสุดประมาณเท่าไหร่? และอีกหลายๆคำถาม เราก็ตอบไปตามความจริงไปว่าเราขับไม่เก่งนะ เราไม่เคยขับรถเกียร์กระปุก (เกียร์แมนนอล) มาก่อนในชีวิต …ครูบอก ไม่เป็นไร มันสอน และฝึกกันได้ มันไม่ยากหรอก ครูยิ้มให้กำลังใจ เราก็คิดในใจว่า ครูพูดแบบนี้ ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย ขอให้เป็นจริงอย่างครูว่าเห้อะ อิอิ
พอมาถึงสนามที่เราจะเรียนขับ เราก็มาย้ายมานั่งฝั่งคนขับ พร้อมเรียน ครูก็เริ่มสอนว่าเกี่ยวกับรถว่า อันไหนคืออะไร พอขึ้นรถมาควรทำอะไรอันดับแรก การปรับเกาอี้ และต้องเช็คด้วยว่าขาเราหยียบเบรคกับครัชได้พอดี ปรับกระจกข้างและหลัง ปรับพวงมาลัย ให้อยุ่ในระดับที่เราถนัด อะไรประมาณนี้ จากนั้นครูก็สอนกับเข้าเกียร์ให้ ดู อันไหนเกียร์ไหน เมื่อทุกพร้อมแล้ว ก็ใส่เซฟตี้เบล แล้วให้เราสตาร์ทรถเลย ครูให้ขับแถว ที่จอดรถ เพื่อเรียนการใส่เกียร์ก่อน เรายังเงอะๆงักๆ ขายังไม่สัมพันธ์กันดี เวลาใส่เกียร์ก็มองเกียร์ ครูก็ดุ อย่าก้มมองขา อย่ามองเกียร์ ตาเธอต้องมองถนนเท่านั้น!! ต้องใช้ความจำและความรุ้สึกเอาว่าเกียร์ไหนปัดไปทางไหน เราเริ่มเครียด เรายังงง กับการใส่เกียร์ ทั้งการเหยียบครัชอยุ่ ขับไปรถก็ยังติดๆดับๆไป กระตุกๆ…โอ้ยย ทำไมมันยากอย่างนี้!!!
ขับวนในที่จอดรถอยุ่ 2-3 รอบ แล้วครูก็บอกให้ขับออกถนนใหญ่!!! เฮ้ยย…!! ขับไม่ถึง 20 นาทีเลย !!!ยังไม่พร้อม!!
…ครูบอกไม่ต้องห่วง เราไปแค่เขตที่ขับโซน 30 ถ้ามีเหตุการณ์จำเป็นฉันจะช่วยเธอเอง เพราะถ้าไม่ออกถนนใหญ่เธอจะไม่เป็นซะที (ลืมบอกไปว่าฝั่งที่ครูนั่งจะมีที่เหยียบครัช และเบรคเหมือนฝั่งคนขับเลย ซึ่งจะใช้ในเวลาจำเป็น) ขับเรื่อยๆในโซน 30 เราขับช้าๆเป็นเต่า เพราะยังกลัวๆเกร็งอยุ่ จนครูดุว่า โซน 30 ต้องขับ 30 ไม่ใช่ 20 !! เวลาขับก็กระตุกมั่ง ดับที่สี่แยกมั่ง รถก็ติดยาวเหยียด เหงื่อแตกพลัก ยิ่งทำอะไรไม่ถูก ครูบอกอย่าสนใจ เค้ารุ้ว่ารถเราเป็นรถสำหรับเรียนขับรถ เงอะงักๆ ชั่วโมงแรกผ่านไปแบบทุลักทุเลสุดๆ
วันที่สอง ยังขับโซน 30 อยุ่ แต่เป็นอีกเส้นทาง ที่มีสี่แยกมากขึ้น เป็นหมู่บ้าน ไม่มีค่อยมีไฟจราจร ไม่มีป้ายบอกว่าถนนเส้นไหนคือเส้นเอก คือต้องใช้กฎ Recht vor links (ขวาก่อนซ้าย) แถมครูเริ่มกดดันมากขึ้นเกี่ยวกับการมองข้ามไหล่ เริ่มเครียดทุกวัน ครูเริ่มดุทุกอย่าง แต่เราก็ทนเพื่อที่จะได้คล่องเร็วๆ
หลายวันผ่านไป
เริ่มขับโซนเร็วขึ้น 50 โซน 70 เราขับเริ่มดีขึ้นละ (ดีขึ้นในทีนี้หมายถึงดับกลางสี่แยกน้อยลงนะ 555) แต่เวลาเปลี่ยนเกียร์ยังติดมองเกียร์ และการเหยียบครัชไม่มิด ทำให้มีเสียงครืดคราด เวลาเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งครูไม่ชอบสุดๆ จะดุทันที แกบอกว่ารถจะเสื่อมเร็วถ้าขับแบบนั้น
…ที่จริงเราเรียนขับแค่ 2-3 ชั่วโมงต่ออาทิตย์ ซึ่งมันไม่ค่อยดีเลย เพราะมันไม่ต่อเนื่อง (คือมันไม่ชินมือนั่นเอง) และที่บอกว่า 1 ชั่วโมง ที่จริงเราไม่ครบชั่วโมงนะ เรียนจริงๆแค่ 45 นาที (อีก 15 นาทีเค้าบอกเป็นเบรคของครู …ห๋า!!?? เราจะเรียนขับหลายชั่วโมงต่อวันต่ออาทิตย์ก็ไม่ได้อีก เพราะเราต้องทำงานด้วยไง บอกเลยว่ามันหนื่อยและล้ามาก เพราะเหนื่อยจากที่ทำงานไม่พอ ไหนจะต้องมาเรียนขับช่วงที่รถเยอะๆ คนเค้าเลิกงานพอดี ต้องใช้สมาธิสูงมาก แถมต้องมาเครียดกับครูเวลาแกดุอีก บอกเลยว่าท้อสุดๆ ทนและทน เท่านั้นบอกตัวเอง …. 🙁
…ช่วงเรียนขับมีหลายอย่าง และเราต้องเรียนให้ครบ เช่น
- ต้องเรียนจอดรถทุกแบบ (ต้องคล่องและต้องเป๊ะ เพราะเวลาสอบขับ จะไม่รุ้ว่า คนสอบขับจะให้จอดแบบไหน)
- การกลับรถที่ถูกวิธี (ไม่ใช่อยุ่ดีๆ เห็นถนนว่างๆก็กลับรถได้เลยนะ)
- การขับเข้าและออกวงเวียน
- การขับในเมือง
- การขับเส้น Einbahnstraße
- ขับไปที่ไม่มีป้ายจราจร ต้องใช้กฎ Recht vor links
- การแซง และระยะห่างระหว่างรถ ต้องเป๊ะ
- การขับ Sonderfahrten คือ Überland และ Autobahn (กรณีเราไม่ต้องขับกลางคืน เพราะ เทียบใบขับขี่)
และ ยังอีกหลายๆอย่าง บอกได้ไม่หมดจริงๆ และทุกอย่างเราต้องขับให้ถูกวิธี และต้องเป๊ะด้วยนะ เพราะที่นี่เค้าเข้มงวดมาก ไม่ใช่ว่า เราแค่ขับรถได้แล้วแล้วไปสอบเหมือนที่ไทย ไม่ได้เลย เพราะที่เยอรมันเค้าเข้มงวดสุดๆ เรื่องจุกจิกเยอะมากๆ
ผ่านไป 3 เดือนกว่า.. เราเรียนขับมาหมดทุกอย่างแล้ว มีความมั่นในระดับหนึ่ง ครูเริ่มไว้วางใจมากขึ้น ไม่ค่อยได้ยินเสียงบ่น เสียงดุเหมือนช่วงแรกๆ วันนั้นเราต้องเรียน 2 ชั่วโมงสุดท้ายก่อนที่ครูจะจองวันสอบให้ละ คือเรียนขับบน Autobahn คือสิ่งที่กลัวและเกร็งที่สุดก็มาถึง!! …พร้อมไหม ครูถามเช้าวันนั้น พร้อม เราตอบ ครูหยิบสมุดจดออกมา วาดรูปให้ว่า เราควรขับยังไง เพราะการขับบน Autobahn ที่นี่ต้องขับรถเร็วมากๆ แล้วบอกเธอต้องมั่นใจนะ ตัดใจให้เด็ดขาด ทั้งการขับเข้าและเร่งเครื่องยนต์ เราพยักหน้ารับคำ
คุยกันเสร็จ เราขับจากที่จอดรถปกติเพื่อที่จะขับไปที่ Autobahn ยิ่งใกล้ถึงใจก็ยิ่งเต้นแรงมาก เหงื่อแตก ครูคงสังเกตเห็น บอกใจเย็น ไม่ต้องกลัว เราพูดไม่ออกได้แต่พยักหน้า ….พอถึงทางขึ้น มองเห็นรถวิ่งความเร็วสูงข้างหน้าเต็มไปหมด ทิน่าตีไฟเลี้ยว เร่งเครื่อง เร่งเครื่องงงงงง…!!!!!ครูเสียงดังตะโกนบอก เราเร่งเครื่อง เหยียบเต็มที่ แต่เหมือนเครื่องยนต์มันไม่ขึ้น รถเริ่มส่าย เราเริ่มลน สมองอื้อมาก เริ่มทำอะไรไม่ถูก ครูเห็นท่าไม่ดี เหยียบคันเร่งช่วย(ฝั่งครูมีที่เหยียบคันเร่งและเบรค) เพื่อทีขับเข้าไปใน Autobahn พอเข้าไปได้แล้ว ครูก็บอกให้เราขับเอง แล้วถามเธอเป็นอะไร? ทำไมเหมือนเธอช๊อค เธอไม่ทำอะไรเลย เธอรุ้ไหมเรากะลังขับเข้า autobahn มันอันตรายมากนะในการขับของเธอแบบนี้ !! เราคุยกันก่อนขับแล้วนะ เราเงียบ เรารุ้ว่าเราผิด เราคงเครียดมากเกินไป เราขับแบบเครียดๆต่อไป ไม่คุยกับครูเลย ครูก็ไม่พูด แต่เรารู้ว่าเค้าคงอารมณ์เสีย จนครูบอกให้ขับออกเมื่อถึงเมืองนี้ ครูบอกชื่อเมืองมา แล้วเราต้องดูป้ายเองว่าถึงเมืองนี้เมื่อไหร่ ก็ขับออกเอง การขับออกก็ต้องตามสเต็ปนะ ว่าเมื่อไหร่ต้องตีไฟเลี้ยว ต้องลงเป็นเกียร์ 3 เมื่อไหร่ อะไรประมาณนี้ คือต้องขับตามสเต็ปเท่านั้น ใช่แล้วครูช่วยขับออก เพราะดูเราไม่ไหวจริงๆ 🙁
เมื่อขับกลับมาถึงที่จอดรถที่โรงเรียน ครูบอกว่าวันนี้เธอขับแย่มาก!! ฉันต้องช่วยเธอทั้งขับเข้าและออก Autobahn !!ฉันคงไม่สามารถที่จะส่งชื่อเราให้ไปสอบขับได้ เพราะต้องตกแน่ๆ!!! ครูพูดเสร็จก็ทำหน้าหงุดหงิดและส่ายหน้า…
เราได้ฟังก็น้ำตาเริ่มปริ่ม น้ำตาไหลพราก ร้องให้ ยอมรับว่าเสียใจมาก เราไม่ว่าครู วันนี้เราขับแย่จริงๆ เรารู้ตัวเอง ครูเห็นก็ปลอบใจ แล้วบอกว่า อยากให้เรียนเพิ่มอีก 2 อาทิตย์นะ ถ้าขับดีขึ้น ถึงจะส่งชื่อให้สอบขับ เพราะถ้ายังขับไม่ดี ถ้าบังเอิญสอบผ่าน แต่เธอยังขับยังงี้อยุ่ มันไม่ใช่แค่อันตรายสำหรับเรา แต่มันอันตรายถึงคนขับรถคันอื่นๆด้วย เราก็ยิ่งสะอึกสะอื้น ร้องให้ น้ำมูกน้ำตาไหลพรากๆ ครูยื่นผ้าเช็ดน้ำตาให้ พร้อมปลอบใจ เราพยักหน้ายอมรับในคำบอกและคำแนะนำของครู โดยเรียนเพิ่มอีก 2 อาทิตย์ 🙁